Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ พลังความเชื่อ ”

พลังความเชื่อ -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ พลังความเชื่อ ”

ความเชื่อ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคริสเตียน
ต้องมีความเชื่อก่อน จึงจะมีการเชื่อฟังได้ ... คริสเตียนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า แสดงว่า ที่จริงเขาไม่มีความเชื่อ
ความเชื่อ ก็เหมือน ความรักและความคิดถึง ... ชั่ง ตวง วัด และจับต้องไม่ได้ แต่มีอยู่จริง และความเชื่อของคริสเตียนนั้น ไม่ได้เป็นแค่เพียงความรู้สึก แต่เป็นตัวตนจริงฝ่ายวิญญาณ
อับราฮัม บิดาแห่งความเชื่อของคริสเตียน เริ่มต้นชีวิตด้วยความเชื่อ ทำตามคำสั่งพระเจ้าด้วยความเชื่อฟัง และเราเห็นแล้วว่าท่านได้พระพรจากความเชื่อมากมายอย่างไร
ความเชื่อ มีพลังมากกว่าที่เราคิด และพลังแห่งความเชื่อนำมาได้ทุกสิ่ง

1. พลังและความสำคัญของความเชื่อ
เราต้องเข้าใจ เข้าถึงความหมายและความสำคัญของความเชื่อ
ความเชื่อนั้นจะมีพลังในชีวิตของเรา
1.1 ความเชื่อนำเราสู่ความรอด
ความสำคัญประการแรกของความเชื่อ คือ ความเชื่อนำเราสู่ความรอด
รอดจากนรก รอดจากเวรกรรม รอดจากการเล่นงานของมารซาตาน รอดจากการเวียนว่ายตายเกิด
มก.16:16 ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ
ยน.3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ความเชื่อที่นำสู่ความรอดในที่นี้ หมายถึง การเชื่อในพระเจ้า เชื่อในพระเยซูคริสต์
ไม่ใช่การเชื่อในศาสนาคริสต์ หรือการเปลี่ยนศาสนา
แต่เป็นการเปลี่ยนความเชื่อ ... หลายคนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชื่อแล้ว แต่ชีวิตยังไม่เปลี่ยน
เพราะเขายังไม่ได้เปลี่ยนความเชื่อ เขาเพียงแค่เปลี่ยนศาสนาเท่านั้น (เชื่ออย่างนั้น เปลี่ยนอย่างนั้นไม่มีประโยชน์อะไร)

การเชื่อในพระเยซูคริสต์ เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว เชื่อว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ความเชื่อนั้นทำให้เรากับพระเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ยน.14:20 ในวันนั้นท่านทั้งหลายจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา และท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในท่าน

ความเชื่อนั้น ทำให้เราไม่พินาศ ไม่เพียงไม่อนาคตเท่านั้น แต่ไม่พินาศทันทีที่เชื่อ
พระเจ้าเข้ามาค้ำประกันชีวิตของเรา เพราะความเชื่อ
ยน.10:28 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้นแกะนั้นจะไม่พินาศเลยและจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้
ดังนั้น เราจึงสามารถกล่าวได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคริสเตียน คือ ความเชื่อ
ความเชื่อเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก และการที่เราศรัทธาในพระเจ้า เราจะไม่มีวันผิดพลาดเลย

1.2 ความเชื่อทำให้เราหายโรค
มก.5:34 พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า ลูกหญิงเอ๋ย ที่เจ้าหายโรคนั้นก็เพราะเจ้าเชื่อ จงไปเป็นสุขและหายโรคนี้เถิด
ความสำคัญและพลังแห่งความเชื่ออีกประการหนึ่ง คือ ความเชื่อนั้นทำให้เราหายโรคได้
พลังความเชื่อ -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ในพระคัมภีร์มีหลายตอนที่บันทึกถึงการหายโรคด้วยความเชื่อ
และไม่เพียงในอดีตเท่านั้นที่มนุษย์หายโรคได้จากความเชื่อ ปัจจุกันการอัศจรรย์ของพระเจ้ายังคงดำเนินต่อไป
ความเชื่อทรงพลัง เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ เราสามารถมีประสบการณ์นั้นได้ทุกคน ถ้าเรามีความเชื่อ

แต่หลักการของพระเจ้าที่สอนเราเกี่ยวกับการหายโรค
คือ สิ่งใดที่มนุษย์ทำได้ มนุษย์ต้องทำ ... เราป่วยต้องหาหมอ ต้องกินยา ต้องรักษา
แต่ที่เกินกำลังหมอ เกินกำลังมนุษย์ พระเจ้าจะเข้ามาเกี่ยวข้อง
และรักษาโรคเหล่านั้น ผ่านทางความเชื่อที่มนุษย์คนนั้นมีต่อพระเจ้า

1.3 ความเชื่อหยุด และดับพายุของชีวิตได้
มนุษย์ทุกคนล้วนมีอุบัติเหตุของชีวิต มีพายุที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตของเราเสมอ
แต่ใครผู้ใดที่มีพระเจ้า ความเชื่อในพระองค์ สามารถหยุดและดับพายุที่พัดเข้าสู่ชีวิตของเราได้
มก.4:35-41 เย็นวันนั้น พระองค์ได้ตรัสแก่เหล่าสาวกทั้งหลายว่า "ให้พวกเราข้ามไปฝั่งฟากข้างโน้นเถิด" เมื่อลาประชาชนแล้ว เขาจึงเชิญพระองค์เสด็จไปในเรือที่พระองค์ประทับอยู่นั้น และมีเรืออื่นหลายลำไปด้วย และพายุใหญ่ได้บังเกิดขึ้น และคลื่นก็ซัดเข้าไปในเรือจนเรือจวนจะเต็มอยู่แล้วฝ่ายพระองค์บรรทมหนุนหมอนหลับอยู่ที่ท้ายเรือ เหล่าสาวกจึงมาปลุกพระองค์ทูลว่า "อาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายกำลังจะจมอยู่แล้ว ท่านไม่เป็นห่วงบ้างหรือ"พระองค์จึงทรงตื่นขึ้นห้ามลม และตรัสแก่ทะเลว่า "จงสงบเงียบซิ" แล้วลมก็หยุด คลื่นก็สงบเงียบทั่วไปพระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "ทำไมเจ้ากลัว เจ้าไม่มีความเชื่อหรือ"ฝ่ายเขาก็เกรงกลัวนักหนา และพูดกันและกันว่า "ท่านนี้เป็นผู้ใดหนอ จนชั้นลมและทะเลก็เชื่อฟังท่าน"
พระวจนะตอนนี้ สะท้อนให้เห็นความอ่อนแอของมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันเราก็เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเรือชีวิตของเรา อย่าลืมว่า พระเจ้าทรงอยู่ด้วย
ความเชื่อในพระองค์สามารถดับพายุร้ายของชีวิตได้ ... แต่สำคัญเราต้องต่อสู้กับพายุนั้นด้วย
เหนือกำลังของมนุษย์ มีกำลังของพระเจ้า เหนือพลังของเรา มีความแห่งความเชื่อพระเจ้า
มือที่มองไม่เห็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่มาก คือ พระหัตถ์ของพระเจ้า
พระองค์พร้อมที่จะช่วยคนที่มีความเชื่ออยู่เสมอ

1.4 ความเชื่อทำให้เราได้รับพระพร
พลังความเชื่อ ทำให้เรากลายเป็นผู้ที่รับพระพร
พระคัมภีร์ จึงบันทึกว่าเราเป็นยิ่งกว่าผู้พิชิต เราเป็นยิ่งกว่าผู้ประสบความสำเร็จ
ความเชื่อทำให้เราได้รับพระพร เพราะความเชื่อผลักดันให้เราลงมือกระทำ

ยน.21:5-6 พระเยซูตรัสถามเขาว่า "ลูกเอ๋ย มีปลาบ้างหรือเปล่า" เขาตอบว่า "ไม่มี" พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือเถิดแล้วจะได้ปลาบ้าง" เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาเป็นอันมาก จนลากอวนขึ้นไม่ได้
พระวจนะในตอนนี้ เหล่าสาวกออกไปหาปลา
ทั้งๆ ที่เขาเป็นชาวประมงมาตลอดชีวิต กลับไม่สามารถหาปลาได้เลย
แต่เมื่อพระเยซูคริสต์เข้ามาเกี่ยวข้อง สถานที่จับปลาก็ที่เดิม แต่จากที่ไม่ได้เลย กลับได้ปลาจำนวนมาก
ความเชื่อในพระเจ้า การมีพระเจ้าในชีวิต ทำให้เราได้รับพระพร
สุดกำลังของมนุษย์ มีกำลังของพระเจ้า แต่เงื่อนไขในการเข้าสู่กำลังของพระเจ้า คือ เราต้องทำสุดกำลังของเราก่อน

พลังความเชื่อ -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ปฐก.22:7-8 อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่า "คุณพ่อ" และท่านตอบว่า "ลูกเอ๋ย มีอะไรรึ" ลูกจึงว่า "นี่ไฟและฟืน แต่ลูกแกะ สำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ที่ไหน" อับราฮัมตอบว่า "ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เองเป็นเครื่องเผาบูชา" พ่อลูกทั้งสองก็เดินต่อ ไปด้วยกัน
นี่เป็นพระวจนะอีกหนึ่งตอน เมื่ออับราฮัมต้องถวายอิสอัค เป็นเครื่องบูชา
ลูกถามพ่อว่ามีไฟและฟืนแล้ว แต่เครื่องบูชาอยู่ที่ไหน (เขาไม่รู้ว่าคือตัวเขาเอง)
อับราฮัมตอบว่า พระเจ้าจะทรงจัดหาให้ ... เป็นคำพูดแห่งความเชื่อ
ท้ายที่สุดพระเจ้าก็จัดเตรียมไว้ให้จริงๆ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ยะโฮวาห์ยีเรห์” คือ พระเจ้าจะทรงจัดหาไว้ให้
พระเจ้าจะจัดเตรียมแกะไว้ให้เรา แต่มนุษย์ต้องจัดเตรียมฟืน เตรียมคน เตรียมใจ

หลักการของพระเจ้าสมดุลที่สุด เราจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ มีชีวิตที่บริบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีความสมดุลในชีวิต
พระเจ้าจะเพิ่มให้ เราต้องมีก่อน ... จะให้พระเจ้าร่วม เราต้องเป็นผู้ที่เริ่มก่อน
เมื่อพระเจ้าตั้งกฎแล้ว กฎนั้นแน่นอน โดยความเชื่อ เราจะรับพระพร เกินกว่าที่เราขอและคิดได้
ความเชื่อนั้นจะมีพลัง ก็ต่อเมื่อเราให้ความสำคัญกับความเชื่อและความศรัทธาในพระเจ้า

1.5 ความเชื่อทำให้เราได้รับปัญญา
ผู้ที่อยู่แนวหน้าของโลก ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเป็นลูกพระเจ้าทั้งสิ้น
มหาเศรษฐีของโลก นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักการเมือง ฯลฯ
เพราะคนของพระเจ้า มีความเชื่อ จึงมีปัญญาจากพระเจ้า
ยก.1:5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญาก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ
พระเจ้าสอนว่า ถ้าผู้ใดขาดสติปัญญา ให้ผู้นั้นขอจากพระเจ้า
“ผู้ใดในพวกท่าน” หมายถึง ลูกพระเจ้าคนใดขาดสติปัญญาในการดำเนินชีวิตก็ให้ขอจากพระเจ้า
ผู้เชื่อทุกคนมีสิทธิ์ที่จะขอจากพระเจ้า เพราะเราเป็นลูกของพระองค์
คนที่ไม่ใช่ลูกไม่มีสิทธิ์ขอ ถึงขอก็ไม่ได้
เราขอได้ แต่ต้องขอโดยความเชื่อ ถ้าขอโดยความเชื่อ เราจะเกิดสติปัญญา

1.6 ความเชื่อวางใจ แม้ไม่เข้าใจ ทำให้พระเจ้าพอพระทัย
ฮบ.11:6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
ความเชื่อวางใจในพระเจ้า ส่งผลให้พระเจ้าพอพระทัย แม้หลายอย่างเรายังไม่มีความเข้าใจก็ตาม
ลักษณะภายนอกของเราไม่สำคัญเท่าความเชื่อที่เรามีอยู่ภายใน ... พระเจ้าพอพระทัยในเราหรือไม่?
ความเชื่อ ความศรัทธาในพระเจ้า ทำให้พระองค์พอพระทัยในเรา

1.7 ความเชื่อทำให้เกิดคุณธรรมและความรู้
2ปต.1:5 เพราะเหตุนี้เอง ท่านจงอุตส่าห์จนสุดกำลังที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อ เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม
พระเจ้าตรัสว่า ต้องเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อ แสดงว่า ต้องมีความเชื่อก่อน จึงจะมีคุณธรรมได้
พระเจ้าเรียงลำดับความสำคัญของความเชื่อไว้สูงมาก มาก่อนทุกสิ่งทั้งคุณธรรมและความรู้
โลกเรียกร้องความรู้ แต่ขาดคุณธรรม ผล คือ โลกวุ่นวายทั้งๆ ที่คนมีความรู้มากขึ้น
พลังความเชื่อ -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เหตุที่คนขาดคุณธรรม ก็เพราะคนขาดความเชื่อ
ความเชื่อในพระเจ้า เป็นจุดเริ่มต้นของคุณธรรมที่แท้จริง
คนของพระเจ้าอาจจะไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่การให้ของเราอาจจะมากกว่าการให้ของเศรษฐีบางคนก็ได้
ที่เรามีคุณธรรม ก็เพราะเราเชื่อศรัทธาในพระเจ้า และพระเจ้าสอนให้ธัมมะที่เรามีต้องมีค่า
ยก.1:26 ถ้าผู้ใดเข้าใจว่าตัวเป็นคนมีธัมมะและมิได้สงบปากคำ แต่หลอกลวงตัวเอง ธัมมะของผู้นั้นก็ไม่มีประโยชน์

แต่คุณธรรมมากอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความรู้กำกับด้วย ... เป็นคนเมตตาได้ แต่ต้องทันคนด้วย
ความเชื่อทำให้เกิดคุณธรรมที่เป็นชีวิต เป็นธรรมชาติ เป็นปกติ
ถ้าจะให้ก็ให้ด้วยความเต็มใจ ให้แบบใสสะอาด ให้แบบไม่ต้องเอะอะ ไม่ใช่ให้เพราะอวด
แม้มีไม่มาก แต่ที่มีอยู่เราจะให้ ... ให้ด้วยความรักของพระเจ้า แต่ต้องให้อย่างมีสติและมีปัญญา
คือ ให้เพื่อเขาจะสามารถตั้งตัวได้ และช่วยเหลือคนอื่นต่อไป

1.8 ความเชื่อทำให้ชีวิตมีพลัง เข้มแข็ง มั่นคง
รม.1:17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออกโดย เริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ
คนชอบธรรม ดำรงชีวิตอยู่โดยความเชื่อ เริ่มต้นที่ความเชื่อ สุดท้ายที่ความเชื่อ
ให้มันรู้ไปว่าตัดสินใจทำตามพระคัมภีร์แล้วจะไม่ได้ดี ... ใครก็ตามทำตามพระคัมภีร์ ได้ดีแน่นอน
ความเชื่อทำให้เรามีชีวิตที่มีพลัง คือ มีผลงาน ... มีบางสิ่งที่จะถวายให้กับพระเจ้า
เราจะสรุปตัวตนของคนที่ผลงาน ไม่ใช่ที่คำพูด ... คำพูดแม้จะดี แต่ก็ไม่มีน้ำหนัก ถ้าไม่มีผลงาน

1.9 ความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์ ทำให้เราเป็นบุตรธิดาของพระเจ้า
ยน.1:12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า
ความเชื่อ คือ ความศรัทธาที่เกิดจากการได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ความเชื่อนั้น ทำให้เราเป็นลูกของพระเจ้า เมื่อเราเป็นลูก พระเจ้าย่อมดูแลเรา
เหมือนพ่อแม่ทุกคนเต็มใจที่จะดูแลและปกป้องลูกของตน
ทั้งหมดที่พ่อแม่มีก็เพื่อลูก ทั้งหมดที่พระเจ้ามีก็เพื่อลูกของพระองค์เช่นกัน
มธ.7:9-11 ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตร เมื่อเขาขอขนมปังหรือให้งูเมื่อบุตรขอปลาเหตุฉะนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาป ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์
นี่เป็นบทสรุปความรักของพระเจ้าที่มีต่อลูกของพระองค์ พระเจ้าจะให้ของดีแก่เราเมอ

1.10 ความเชื่อทำให้เรากลายเป็นผู้ชอบธรรม
ความเชื่อ ทำให้เรากลายเป็นผู้ชอบธรรม ไม่ใช่คนมีกรรม
ถ้าเรามีความเชื่อ ความเชื่อนั้นจะเปลี่ยนเราจากคนบาปให้กลายเป็นนักบุญ เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้า
กท.3:6-8 ดังที่อับราฮัม ได้เชื่อพระเจ้า และ การที่เชื่อนั้น พระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน ฉะนั้นคนที่เชื่อนั่นแหละเป็นบุตรของอับราฮัม และพระคัมภีร์นั้นรู้ล่วงหน้าว่า พระเจ้าจะทรงให้คนต่างชาติเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ จึงได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่อับราฮัมล่วงหน้าว่า ชนชาติทั้งหลายจะได้รับพระพรเพราะเจ้า
พลังความเชื่อ -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

คนต่างชาติ หมายถึง ชาติอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยิว กลายเป็นคนชอบธรรมได้โดยความเชื่อ

คนชอบธรรมจะมีพลังความชอบธรรมในชีวิต
ความชอบธรรมของพระเจ้า อยู่เหนือกฎหมายของมนุษย์
ใครผู้ใดทำได้ ผู้นั้นย่อมได้รับพระพรตามพระสัญญา
สภษ.10:3 พระเจ้ามิได้ทรงปล่อยให้คนชอบธรรมหิว แต่พระองค์ทรงขัดขวางความอยากของคนชั่วร้าย
คนชอบธรรมจะไม่อดอยาก ไม่ขาดแคลน สิ่งดีสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตเลย
สภษ.10:6 พระพรอยู่บนศีรษะของผู้ชอบธรรม แต่ความทารุณท่วมปากคนชั่วร้าย
พระพรของพระเจ้าอยู่เหนือชีวิตคนชอบธรรม
พระเจ้าของพระเจ้าเหมือนไม้ยืนต้น ไม่หวือหวา ใช้เวลานาน แต่มั่นคงถาวรเป็นนิตย์
สภษ.10:16 ผลงานของคนชอบธรรมนำไปถึงชีวิต แต่ของคนชั่วร้ายนำไปถึงบาป
คนชอบธรรมจะมีผลงาน และเป็นผลงานที่นำสู่ชีวิต ไม่ใช่นำสู่ความบาปหรือความตาย
สภษ.10:24 สิ่งใดที่คนชั่วร้ายคิดกลัว มันจะมาถึงเขาแต่สิ่งใดที่คนชอบธรรมปรารถนา พระองค์ทรงประสาทให้
ทุกอย่างที่คนชอบธรรมปรารถนาพระเจ้าจะประทานให้ เพราะมั่นใจว่าคนชอบธรรม ย่อมขอในสิ่งชอบธรรม
แต่จำไว้ว่ามีมาก ก็ต้องรับผิดชอบมากเป็นธรรมดา
สภษ.10:25 เมื่อพายุร้ายผ่านไปแล้ว คนชั่วก็ไม่มีอีกแต่คนชอบธรรมจะได้รับการสถาปนาไว้เป็นนิตย์
สภษ.10:28 ความหวังของความชอบธรรมจบลงในความยินดี แต่ความมุ่งหวังของความชั่วร้ายก็สูญเปล่า
ผู้ชอบธรรมไม่ต้องอิจฉาคนอธรรม เพราะผู้ใดหว่านสิ่งใด ย่อมเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น
พระเจ้ายุติธรรม ไม่ต้องรอหลังความตาย แต่ในชาตินี้ ในชั่วชีวิตนี้ ทุกคนต้องรับผลการกระทำของตนเอง

สภษ.24:16 เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก แต่คนชั่วร้ายจะถูกความลำบากยากเย็นคว่ำลง
ผู้ชอบธรรม ไม่มีวันล้มเหลว ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้งก็สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้เสมอ
ทุกคนมีโอกาสผิดพลาด ล้มเหลวกันได้ แต่คนชอบธรรมมีโอกาสลุกขึ้นมาเสมอ

2. นิยามความเชื่อ ผลของความเชื่อ และลักษณะของความเชื่อ
ความเชื่อมีพลังและความสำคัญมากมาย แต่เราต้องมีความเชื่ออย่างถูกต้องด้วย
ฮบ.11:1-3 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
ความเชื่อ คือ ความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
เราเชื่อในพระเจ้า เราหวังในพระเจ้า แม้เราไม่เห็นพระเจ้า แต่เราเห็นสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
ถ้าพระเจ้าทรงสร้างและดูแลจักรวาลได้ พระเจ้าก็สร้างและดูแลชีวิตของเราได้เช่นกัน
ดังนั้น อย่าหวั่นไหวในความเชื่อ
พระเจ้าตรัสว่าอย่างไร ให้เราเชื่ออย่างนั้น เห็นด้วยอย่างนั้น
การอธิษฐาน การเข้าเฝ้าพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เรามีประสบการณ์ในความเชื่อมากยิ่งขึ้น

ฮบ.11:2 โดยความเชื่อนี้เองคนในสมัยก่อนก็ได้รับการรับรองจากพระเจ้า
ผลของความเชื่อ คือ พระเจ้าจะรับรองเรา
ถ้าพระเจ้ารับรองเรา สวรรค์รับรองเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรในโลกนี้อีก
เรามีแบบอย่างจากคนของพระเจ้ามากมายที่ได้เชื่อและติดตามพระองค์
พลังความเชื่อ -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราเห็นการรับรองจากพระเจ้า เพียงพอแล้วที่เราจะมั่นใจและเดินตามพระองค์
ความเชื่อที่เรามีนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงอารมณ์เท่านั้น แต่ต้องเป็นการกระทำด้วย
ไม่เพียงเชื่อศรัทธาเท่านั้น แต่ต้องเชื่อในคำสอน เชื่อในความสามารถของพระเจ้าด้วย

ฮบ.11:3 โดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
ลักษณะของความเชื่อ คือ เชื่อในสิ่งที่ยังมองไม่เห็น ทำด้วยความเชื่อ แม้ยังมองไม่เห็น
ถ้าเห็นแล้วจึงเชื่อ ไม่ได้เรียกว่าความเชื่อ
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เชื่อแต่ละคน
ความเชื่อพัฒนากันได้ เหมือนพัฒนาการทางร่างกายของเด็กสู่ผู้ใหญ่
เมื่อความเชื่อของเรายังน้อย หรือเรายังเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณ ความสงสัยอาจจะมีมาก
แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น มีประสบการณ์กับพระเจ้ามากขึ้น เราจะเชื่อและศรัทธาในพระองค์มากขึ้นเช่นกัน

3. ความเชื่อแม้ทรงพลัง แต่ความเชื่อของแต่ละคนก็มีขนาดต่างกัน
การที่เรามีความเชื่อนั้น ถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราต้องทำเพิ่มเติม คือ การรักษาและเพิ่มระดับความเชื่อ
เพราะแม้ความเชื่อจะทรงพลังก็จริง แต่ความเชื่อของแต่ละคนก็มีขนาดต่างกัน
การรักษาระดับความเชื่อในพระเจ้าเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝน ฝึกหัด ฝึกบ่อยๆ ความเชื่อของเราจะเพิ่มขึ้น
1คร.12:4 ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน
1คร.12:8-9 พระเจ้าทรงโปรดประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำอันประกอบด้วยความรู้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน และให้อีกคนหนึ่งมีความสามารถรักษาคนป่วยได้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน
ความเชื่อ เป็นของประทานจากพระเจ้า แต่ละคนได้ขนาดที่แตกต่างกัน

รม.12:3 ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคนโดยพระคุณ ซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า อย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ท่าน
พระเจ้าให้เราเป็นอย่างไร พระองค์ก็ทรงประทานขนาดความเชื่อให้อย่างนั้น
ถ้าให้เราเป็นมด ขนาดความเชื่อของเราก็เท่ามด
แต่ถ้าพระเจ้าสร้างให้เราเป็นช้าง ขนาดความเชื่อของเราก็เท่าช้าง
ขนาดของความเชื่อต่างกันไม่เป็นไร เพราะพระเจ้าสร้างให้แต่ละคนต่างกัน
สำคัญที่เรามีความเชื่อขนาดใด ต้องรักษาขนาดความเชื่อให้ไว้ให้ดี
แล้วพลังแห่งความเชื่อจะปกป้อง คุ้มครอง ดูแลชีวิตของผู้เชื่อนั้น

No comments:

Post a Comment