Sunday, April 24, 2011

?????????????

?????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????ﯿ??????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????﾿???????????????????????????????????????????????????﾿????????????????????????????????????????????????뿿??????????????????????????????﾿??????????????????????????????????????????????????????????????????????7-18 “สำหรับคนเหล่านั้นที่มั่งมีฝ่ายโลก จงกำชับเขาอย่าให้มีมานะทิฐิ หรือให้เขามุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง แต่จงหวังในพระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่ง เพื่อความสะดวกสบายของเรา จงกำชับให้เขากระทำดี ให้กระทำดีมากๆให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัว”
เรามีได้ แต่อย่าไปยึดติดกับมัน ...
สิ่งที่เราต้องยึดให้แน่ คือ พระเจ้า และทำดีให้มากๆ
เพราะวันหนึ่งทุกสิ่งที่มีสามารถหมดไปได้ ชีวิตเราก็ต้องตาย
เหลือไว้เพียงแต่ความดีที่ทำเท่านั้น

(9) ความดีสูงสุด คือ การยืนหยัดในคุณความดี โดยไม่ต้องมีใครรู้
ความดีสูงสุด คือ ทำดีไม่หวังรับการตอบแทน
ตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า “ปิดทองหลังพระ”
ดีใจที่ได้ทำดี สุขใจที่ได้เป็นประโยชน์ แม้ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น แต่ตัวเรารู้ดีว่าเรากำลังทำอะไร
ยิ่งต่องานพระเจ้า เราต้องยิ่งถือเป็น “พระคุณ” มิใช่ “บุญคุณ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 18 ม.ค. 2009 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ทั้ง 9 ประการนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของลักษณะผลึกความดี
ใครทำได้ ใครเป็นได้ ชีวิตก็จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อพระเจ้า และต่อประเทศชาติ

1.2 ความดีที่อยู่ภายใน ส่งผลให้มีท่าทีและแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่
ความดีที่อยู่ภายใน ทำให้เรามีท่าทีและแรงจูงใจถูกต้อง
ท่าทีและแรงจูงใจอยู่ภายใน ไม่มีใครรู้ แต่ดูจากผลการกระทำได้
แรงจูงใจที่ถูกต้อง จะเป็นแรงจูงใจนิรันดร์ เลิกไม่ได้ ล้มไม่ได้
เช่น นักการเมืองส่วนใหญ่บอกทำเพื่อชาติ แต่ที่จริงทำเพื่อตัวเอง
ชาติจน แต่เขารวย ไม่รู้สึกอะไร แต่ผู้คนก็ยังเลือกกันอยู่ได้ แสดงว่า คนเลือกก็จน ๆ ปัญญา

การทำประโยชน์อย่างถูกต้อง ผลที่ออกมา คือ ความสงบ ...
อยากรู้ว่าแรงจูงใจของใครหรือแม้แต่ตัวเราเองถูกต้องหรือไม่ ดูว่าชีวิตสงบหรือไม่
ถ้าทำอะไรไปแล้ว ไม่สงบ วุ่นวาย แสดงว่า ท่าทีและแรงจูงใจภายในไม่ถูกต้อง

แรงจูงใจที่ถูกต้องต่องานพระเจ้า และสังคม จะขุดเอาความสามารถ ความมานะ ความอดทนทั้งหมดที่มีมาใช้
ทำทุกอย่าง เพื่อความสำเร็จ แม้ต้องลงทุนหนัก แต่ก็ไม่วุ่นวาย เพราะทำจากความดีข้างใน
นี่คือคนที่เป็นประโยชน์แท้

1.3 รูปธรรมในการอยู่เพื่อประโยชน์ของพระเจ้า และมนุษย์
มธ.25:35-40 เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกายท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็ได้มาเยี่ยมเอาใจใส่เรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา" เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ และได้จัดมาถวายแด่พระองค์แต่เมื่อไร ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลก หน้า และได้ต้อนรับไว้ หรือเปลือยพระกาย และได้สวมฉลองพระองค์ให้แต่เมื่อไร ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่เมื่อไร" แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย"
พระวจนะในตอนนี้ เป็นรูปธรรมที่สุดในการอยู่เพื่อพระเจ้าและมนุษย์
เมื่อหิว ก็ให้กิน, เมื่อกระหาย ก็ให้ดื่ม, เป็นแขกแปลกหน้า ก็ต้อนรับ
ความดี คือ กระทำกับผู้เล็กน้อยเหมือนทำกับพระเจ้า

หลักการ คือ ใครทำกับคนเล็กน้อยได้ ก็สามารถทำกับคนที่ยิ่งใหญ่ได้
จำไว้ว่า พระเจ้ามักจะมาพบเราในรูปแบบนี้เสมอ คือ รูปแบบคนของเล็กน้อย คนขาดแคลน
เพื่อพิสูจน์ว่าเราพร้อมหรือไม่ที่จะอยู่เพื่อพระเจ้า
ทุกอย่างและทุกคนที่มากระทบเรา จะวัดเรา สร้างเรา และสอนเรา

2. แรงจูงใจภายในที่ถูกต้อง ส่งผลให้ ...
อะไรจูงใจให้เราทำ หรือไม่ทำ ... อะไรผลักดันให้เราทำโน่น ทำนี่
ถ้าแรงจูงใจส่วนใหญ่ คือ เงิน และอำนาจ ผล คือ ความพินาศ
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 18 ม.ค. 2009 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

แต่ความดี และประโยชน์ จะส่งผลให้เรามีแรงจูงใจถูกต้อง
และแรงจูงใจถูกต้อง นำมาซึ่งประโยชน์มากมาย ดังนี้

2.1 บริการจัดการชีวิตถูกต้อง สามารถต้านพายุ และแรงกดดันของได้
ถ้าเรามีแรงจูงใจถูกต้อง เราก็บริหารชีวิตถูกต้อง
เราทำสิ่งใด เรารู้ว่าทำเพื่ออะไร เช่น เรียนมากขึ้น ไม่ใช่เพื่ออวดว่าเรามีปริญญาหลายใบ
แต่เรียนมากขึ้น เพื่อที่จะรู้มากขึ้น และทำประโยชน์มากขึ้น

ตลอดชีวิตมนุษย์ พายุชีวิตจะพัดเข้ามาเสมอ
คนที่มีแรงจูงใจถูกต้อง จะทนได้ ต้านได้ และผ่านไปได้ ไม่ใช่พังพินาศอยู่ท่ามกลางพายุ
นิยามของคนที่ประสบความสำเร็จ คือ ผู้ที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาได้ ไม่ใช่คนที่ไม่เคยล้มเลย
ยุคสุดท้ายนี้แหละ จะวัดว่าเราบริหารชีวิตถูกต้องหรือไม่?
ทั้งแรง ทั้งเงิน ทั้งความสามารถ และปัญญาที่มี

2.2 ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “เราเลือกทางเดินชีวิตได้ 2 ทาง ทางหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดอัศจรรย์ อีกทาง ทุกสิ่งล้วนมหัศจรรย์”
ชีวิตเราต้องเจอกับทางเลือกมากมาย ...
ในพระคัมภีร์มีให้เลือก 2 ทาง คือ “ทางแคบ” และ “ทางกว้าง”
ไอน์สไตน์ มีให้เลือก 2 ทาง คือ “ทุกสิ่งอัศจรรย์” กับ “ไม่มีสิ่งใดอัศจรรย์”
ไอน์สไตน์ คนที่ทั้งโลกข้องใจว่าสมองของเขาทำด้วยอะไร จึงได้ฉลาดเกินมนุษย์ทั่วไป
เก่งกว่ามนุษย์ทั้งโลก ... ท่านเองก็เชื่อในเรื่องของการอัศจรรย์

คนที่มีแรงจูงใจที่ถูกต้อง คนที่ดำเนินชีวิตเพื่อประโยชน์ของพระเจ้า
เราจะรู้ดีว่า “ทุกสิ่ง ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องอัศจรรย์”

เราต้องเป็นชีวิตที่มหัศจรรย์ แต่ต้องมหัศจรรย์ตามแนวทางของพระเจ้า
มิใช่ ท่องภาวนาอย่างเดียว ไม่ทำมาหากิน หรือ ทำแล้วไม่ใช้ปัญญาก็ไม่ได้
ปฐก.1 พระเจ้าทรงสร้างทั้งหมดอย่างอัศจรรย์
ไม่ว่าจะเป็นโลก จักรวาล พืช สัตว์ มนุษย์ พระเจ้าสร้างและให้มันดำรงอยู่อย่างอัศจรรย์

แม้ชีวิตของคนที่ไม่เชื่อ ยังเป็นชีวิตที่อัศจรรย์ได้ เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นพระฉายของพระเจ้า
และมนุษย์ทุกคนมีลมปราณของพระเจ้า เป็นจิตวิญญาณของมนุษย์
ปฐก.1:26-28 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิงพระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จง ครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
ปฐก.2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
เศรษฐีหลายคนการศึกษาน้อย แต่ตั้งบริษัทที่ยิ่งใหญ่ได้ นี่ก็อัศจรรย์
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 18 ม.ค. 2009 “รอบเช้า” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ชีวิตคริสเตียนควรเป็นชีวิตที่อัศจรรย์ เพราะเรามีพระเจ้าที่อัศจรรย์ และเรามีคำสอนที่อัศจรรย์
ถ้าเราเชื่อพระเจ้าแล้ว ชีวิตไม่อัศจรรย์ ก็ต้องมีการสำรวจชีวิตกันเสียหน่อย ...
สาเหตุเกิดจากการไม่ตกผลึกความดีหรือไม่?
ไม่ใฝ่ดี ไม่ช่วยเหลือ ไม่แบ่งปัน ไม่อดทน ไม่เข้าใจ ไม่มีอะไรดีเลย ชีวิตเลยไม่มหัศจรรย์

ชีวิตอัศจรรย์ คือ ชีวิตนิรันดร์อย่างพระเจ้า
ชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้าที่ถูกเพาะในจิตวิญญาณ และเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ในชีวิตของเรา
แน่นอนว่าต้องใช้เวลา แต่ชีวิตเราจะทรงคุณค่าและเป็นประโยชน์ทั้งต่อพระเจ้าและสังคม

No comments:

Post a Comment