Monday, April 25, 2011

เรื่อง “ กุญแจในการพบความสำเร็จ ”

กุญแจในการพบความสำเร็จ -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ กุญแจในการพบความสำเร็จ ”

ความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะพบ แต่ความสำเร็จนั้นก็ใช่ว่าจะพบกันได้ง่ายๆ หรือพบกันได้ทุกคน แต่ใครก็ตามที่ทำตามพระวจนะของพระเจ้า ปฏิบัติตามแนวทางของพระคัมภีร์ ชีวิตของคนๆ นั้น จะพบยิ่งกว่าความสำเร็จ
คำสอนวันนี้ มีข้อแนะนำในการพบความสำเร็จผ่านกุญแจ 3 ดอก ดังนี้
กุญแจดอกที่ 1 คือ ความกล้าหาญ
กุญแจดอกที่ 2 คือ คุณธรรม
กุญแจดอกที่ 3 คือ สติปัญญา
“ความกล้าหาญ” และ “คุณธรรม” นั้น เปรียบเหมือนขาทั้งสองข้างของคน คนจะเดินได้อย่างมั่นคง ต้องใช้ขาทั้งสองข้าง แต่ “สติปัญญา” เปรียบเหมือนร่างกายของคน แม้เรามีขาทั้งสองข้าง แต่เราไม่สามารถเดินโดยปราศจากตัวได้
ดังนั้น กุญแจทั้ง 3 ดอกนี้ ต้องใช้ร่วมกันอย่างสมดุล จึงจะสามารถนำชีวิตพบความสำเร็จได้

กุญแจดอกที่ 1 คือ ความกล้าหาญ
ข้าพเจ้าเคยกล่าวเสมอว่า “ความลำบากสร้างคน แต่ความสบายทำลายคน”
ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว
ความสมบูรณ์ทำให้คนในประเทศ ขาดความกระตือรือร้น ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ประเทศเราจึงไม่ค่อยเจริญเท่าที่ควร
นี่คือ ความสบายทำลายคน ... ทำลายความกระตือรือร้น ทำลายความคิดสร้างสรรค์ ทำลายความอึด
ทำลายความอดทน และทำลายความกล้าหาญที่มนุษย์ควรจะมี
แต่ในประเทศที่เขาต้องเผชิญภัยธรรมชาติหรือไม่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านธรรมชาติ เช่น เกาหลีหรือญี่ปุ่น
พวกเขาต้องเอาตัวรอด ต้องอึด ต้องอดทน และต้องกล้าหาญในการใช้ชีวิต เพื่อเอาชนะธรรมชาติ
นี่คือ ความลำบากสร้างคน ...
ความยากลำบากที่มนุษย์ต้องเผชิญนั้น ถ้าถูกสร้างเรื่อยๆ จะส่งผลให้คนๆ นั้นกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักยอมแพ้
ความลำบาก ทำให้คนกล้าหาญ ... ไม่กลัวต่อปัญหา ไม่กลัวอุปสรรค ไม่กลัวความอดอยาก
ไม่กลัวแรงกดดัน ไม่กลัวจน และในที่สุด ไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย
ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหน คนกล้าหาญจะไม่ยอมแพ้
ที่จริงแล้ว มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมสัญชาตญาณในการปรับตัว มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในการเอาตัวรอด
ความยากลำบากและปัญหาของชีวิตที่เกิดขึ้น กระตุ้นให้มนุษย์ใช้สัญชาตญาณในส่วนนั้น
แน่นอนว่า หากไม่มีปัญหา มีแต่ความสบาย สัญชาตญาณในการปรับตัวและเอาตัวรอดย่อมไม่เกิดขึ้น
คนที่มีความกล้าหาญ เมื่อเจอ “ปัญหา” เขาจะเปลี่ยนปัญหานั้น ให้กลายเป็น “ปัญญา” ได้
เมื่อถึงเวลาจนตรอกแม้แต่สุนัขยังต้องสู้ ถ้ามนุษย์เจอปัญหาแล้วไม่สู้ ก็น่าอายยิ่งกว่าสุนัข
ดังนั้น เมื่อปัญหาเกิดขึ้น เราต้องกล้าเอาชนะมันให้ได้
ผลของการถูกสร้างผ่านปัญหา จะทำให้ชีวิตของเราแข็งแกร่งและสามารถยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์

พระคัมภีร์เกี่ยวกับความกล้าหาญ
ยชว.1:6,9 จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะกระทำให้ชนชาตินี้รับแผ่นดินนั้นเป็นมรดก ซึ่งเราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษ ของเขาทั้งหลายว่าจะยกให้เขา, เราสั่งเจ้าไว้แล้วมิใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะว่าเจ้าไปในถิ่นฐานใด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงสถิตกับเจ้า
กุญแจในการพบความสำเร็จ -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

จากพระวจนะตอนนี้ พระเจ้าหนุนใจให้โยชูวามีความกล้าหาญ และพระองค์ได้ทรงหนุนใจเราทุกคนด้วย
ความกล้าหาญอย่างหนึ่งที่ลูกพระเจ้าทุกคนควรมี คือ กล้าที่จะเชื่อและกล้าที่จะทำตามพระสัญญาของพระเจ้า
กล้าที่จะเชื่อ กล้าที่จะทำตาม แม้ไม่เข้าใจ เพราะความเข้าใจจะตามมาเองหลังจากเรามีประสบการณ์กับพระเจ้า
ความกล้าหาญ ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติยศของทหารเท่านั้น แต่ยังเป็นเกียรติยศของผู้เชื่อทุกคนด้วย
ผู้กล้าหาญ เมื่อเผชิญกับปัญหา จะกล้าสู้มัน จะกล้าปรับตัว และกล้าเริ่มต้นใหม่

กจ.4:13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู
คุณสมบัติของผู้นำ หรือผู้ที่จะพบความสำเร็จในชีวิต คือ ความกล้าหาญ
หากปราศจากความกล้า คุณไม่สามารถเป็นผู้นำและไม่สามารถพบความสำเร็จของชีวิตได้!
พระวจนะตอนนี้ ทำให้เราเห็นความกล้าหาญของเปโตรและยอห์น อัครสาวกของพระเยซู
แม้พวกเขาจะเป็นชาวบ้านธรรมดา ขาดการศึกษา แต่สิ่งที่พวกเขามีอย่างโดดเด่นชดเชยสิ่งที่ขาดไปนั้น คือ ความกล้าหาญ
ช่วงเวลาสามปีครึ่งที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับพระเยซู รับการสร้างจากพระเยซู
พระองค์ทรงเปลี่ยน “คนกลัว” ให้กลายเป็น “คนกล้า”
ดังนั้น ความกล้าหาญ จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการนำชีวิตเราพบความสำเร็จ
ความกล้าหาญนั้น เราสามารถสร้างได้จากการผูกพันตัวกับพระเจ้า การเชื่อและทำตามพระวจนะของพระองค์

กจ.20:22-24 นี่แน่ะ บัดนี้พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง เว้นไว้แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าในทุกบ้านทุกเมืองว่า เครื่องจำจองและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่ แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น
พระวจนะตอนนี้ เป็นความกล้าหาญของอัครทูตอีกท่านหนึ่ง คือ เปาโล
เปาโล กล้าหาญถึงขนาดยอมเผชิญกับความตาย เพื่ออุดมการณ์และความเชื่อในพระเจ้า
พระเจ้าทรงเปิดเผยล่วงหน้าว่าท่านจะต้องพบเจอกับสิ่งใดบ้าง ทั้งโซ่ตรวนและความตายรอท่านอยู่เบื้องหน้า
แต่ทั้งๆ ที่รู้ เปาโลก็ยอมไป ยอมทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา
การติดคุกและการยอมตายของท่าน ทำให้ภารกิจที่ท่านรับมอบหมายจากพระเจ้าสำเร็จ
และทำให้ข่าวประเสริฐของพระเจ้าแพร่ออกไปไม่มีสิ้นสุด ... ทั้งหมด เริ่มต้นที่ความกล้าหาญ

ฟป.1:12-14 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านทราบว่า การทั้งปวงที่อุบัติขึ้นกับข้าพเจ้านั้น ได้กลับเป็นเหตุให้ข่าวประเสริฐแผ่แพร่กว้างออกไปจนประจักษ์ทั่วกันในหมู่ผู้คุมและคนอื่นๆว่า การที่ข้าพเจ้าถูกจำจองนั้น ก็เพื่อพระคริสต์และพี่น้องส่วนมากได้เกิดความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า เนื่องด้วยการจำจองของข้าพเจ้า และพวกเขามีใจกล้าขึ้น ที่จะกล่าวพระวจนะของพระเจ้าโดยปราศจากความกลัว
พระวจนะตอนนี้ เป็นหลักฐานความสำเร็จที่เกิดจากความกล้าหาญของเปาโล
สิ่งที่เกิดขึ้นกับท่าน ความลำบากที่ท่านกล้าเผชิญนั้น กลายเป็นพระพรสำหรับงานพระเจ้า
ดังนั้น ความกล้าหาญ จึงเป็นคุณสมบัติสำคัญในการนำชีวิตสู่ความสำเร็จ
ความกล้าหาญที่เป็นรูปธรรมที่เราควรมี คือ กล้าเชื่อ กล้าลงทุน กล้าเหน็ดเหนื่อย กล้าลงแรง
กล้าทนต่อแรงเสียดทาน กล้ารักษาวินัย ... สิ่งเหล่านี้เราต้องฝึกและอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
กุญแจในการพบความสำเร็จ -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

กุญแจดอกที่ 2 คือ คุณธรรม
ความกล้าหาญ และคุณธรรม ต้องใช้ควบคู่กันจึงจะเกิดผลสำเร็จ
ความกล้าหาญ เป็นเรื่องพลัง ความเด็ดเดี่ยว ความเด็ดขาดและวินัยชีวิต
แต่คุณธรรม ต้องเป็นองค์ประกอบสำคัญของความกล้าหาญด้วย
กล้าได้ แต่ต้องกล้าอย่างมีคุณธรรม ไม่ใช่กล้าอย่างโหดเหี้ยม โหดร้าย
ความฉลาด ความเก่ง ความกล้า เป็นเรื่องดี แต่มันจะกลายเป็นเรื่องดีที่สุด
เมื่อความกล้านั้นประกอบด้วยความสุภาพอ่อนโยน ประกอบด้วยความจริงใจและความสัตย์ซื่อ
ความฉลาด ความเก่ง ความกล้าว่าดีแล้ว แต่ไม่มีอะไรแทนที่ “ความจริงใจและไมตรีจิตได้”
เราอาจจะใช้กำลังเอาชนะคนได้ หรือเราอาจจะใช้อำนาจบังคับคนให้ทำงานได้
แต่เราไม่สามารถบังคับหรือใช้กำลังให้ใครเคารพและนับถือเราได้
คนจะรักและนับถือเราได้ด้วยเหตุผลเดียว คือ คุณธรรมที่เรามีอยู่ในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นน้ำใจ ความเอื้ออาทรและความอ่อนโยน อ่อนสุภาพ
ดังนั้น คุณธรรม จึงเป็นอาวุธสำคัญของชีวิตที่จะนำเราพบความสำเร็จและเอาชนะปัญหาต่างๆ ได้

- รอยยิ้ม น้ำใจ ความเอื้ออารี เป็นมนต์เสน่ห์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เมืองไทยเป็นเมืองที่น่าเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติ
รอยยิ้มและความเป็นมิตรของคนไทย ชนะใจชาวต่างชาติได้
- ผู้ชายที่มีความแข็งแกร่ง จะแพ้ผู้หญิงที่มีความอ่อนโยน
พระเจ้าประทานพละกำลังให้ผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ประทานความอ่อนโยนแก่ผู้หญิง
- จำไว้ว่า “งูร้าย ไม่ได้ตายด้วยไม้แข็ง แต่เราปราบงูร้ายได้ด้วยไม้อ่อน”
ไม้แข็งดูน่ากลัว แต่เวลาตีลง เปอร์เซ็นต์ในการถูกงูน้อย เพราะไม้ไม่ยืดหยุ่น
แต่ไม้อ่อนนั้น มีความยืดหยุ่น ไม่ว่าพื้นที่ตีเป็นอย่างไร ไม้นั้นจะต้องถูกตัวงูอย่างแน่นอน
- เปลือกไม้แข็ง ไม่นานก็ร่วงโรย แต่ยอดไม้อ่อน มันชูช่อ แตกยอดไปเรื่อยๆ
- “น้ำ” ที่มีลักษณะอ่อน ไม่แข็ง แต่สามารถเซาะหินให้พังได้
ถ้าเราแข็ง เราไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ได้
อย่าคิดว่าเราเก่ง เพราะคนที่เก่งกว่าเรา ดีกว่าเรา มีอีกมากมาย

นักบริหารและคนส่วนน้อย ไม่ตระหนักว่า “คุณธรรม สามารถทำให้เรานั่งอยู่ในใจคนได้”
การบริหารงานด้วยความอ่อนโยน ด้วยใจ จะทำให้เรารับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการบังคับหรือการลงโทษ
น้ำใจ การแสดงไมตรีต่อผู้อื่น จึงเป็นคุณธรรมที่สูงสุด
และเป็นคุณธรรมที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงมาก แต่รับผลตอบแทนและกำไรสูง
คนเราจะยิ้มได้ ไม่จำเป็นต้องจบปริญญา คนเราจะแสดงน้ำใจได้ ไม่จำเป็นต้องสวย
คุณธรรมนี้ ใครๆ ก็สามารถทำได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนทำ
ขาหนึ่งจำไว้ว่า เราต้องกล้าหาญ แต่อีกขาหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ความกล้าหาญบนพื้นฐานของคุณธรรม
มีโอกาสโกง แต่ไม่โกง กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าทำในสิ่งที่มีคุณธรรม
รายได้น้อยด้วยความสัตย์ซื่อ ดีกว่ามีมากด้วยการโกง ... เพราะมีอย่างนั้นไม่ถาวร และมีความทุกข์แฝงอยู่ด้วย

ชีวิตของคนจะสมบูรณ์ ต้องมีทั้งส่วนที่ “แข็ง” และส่วนที่ “อ่อน”
กุญแจในการพบความสำเร็จ -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

กระดูก แข็ง แต่เนื้อ นิ่ม ... ไม่มีกระดูก เนื้อก็กองอยู่กับพื้น แต่ถ้ามีแต่กระดูกไม่มีเนื้อ ใครจะกล้ามอง
ในความแข็ง ต้องพึ่งพาความอ่อน และในขณะเดียวกัน ความอ่อน ก็ต้องพึ่งพาความแข็งเช่นกัน
ถ้าเรามีความแข็งที่เป็นคุณธรรม จะเป็นความเข้มแข็งที่แท้จริง และเป็นความเข็มแข็งที่สง่างาม

พระคัมภีร์เกี่ยวกับคุณธรรม
ยก.3:13,17 ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา ก็ให้ผู้นั้นแสดงการประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี มีใจอ่อนสุภาพประกอบด้วยปัญญา, แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด
ปัญญาจากพระเจ้า ปัญญาจากเบื้องบน คือ สงบสุข ความสุภาพว่าง่าย และความเมตตา
สิ่งเหล่านี้ ต้องเป็นคุณธรรมของลูกพระเจ้า
คส.3:12 เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน
ความอ่อนสุภาพ ต้องเป็นคุณสมบัติคนของพระเจ้า
มธ.11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้แล้วเรียนจากเราเพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อมและจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก
พระเจ้าให้สอนให้เราเรียนรู้วิถีชีวิตจากพระองค์ หนึ่งในนั้นที่นำเราสู่ความสำเร็จ คือ ความสุภาพและอ่อนน้อม
สดด.37:11 แต่คนใจอ่อนสุภาพจะได้แผ่นดินตกไปเป็นมรดกและตัวเขาปีติยินดีในความเจริญอุดมสมบูรณ์
คนที่มีความอ่อนสุภาพ จะมีชีวิตที่เจริญ เกิดผล ก้าวหน้า

กุญแจดอกที่ 3 คือ สติปัญญา
อย่างที่ก้าวไปในเบื้องต้นแล้วว่า ทั้งความกล้าหาญและคุณธรรม เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำเร็จชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
เพราะทั้งสองนั้นเปรียบเหมือนขาสองข้างของคน แต่ขาจะก้าวเดินได้อย่างมั่นคงต้องติดอยู่กับตัวหรือร่างกาย
ตัวหรือร่างกายที่ว่านั้น คือ สติปัญญา
คนของพระเจ้า ต้องมีปัญญาที่ตั้งอยู่บนความกล้าหาญและคุณธรรม
แม้เราเก่ง แม้เรากล้า แม้เรามีคุณธรรม แต่หากปราศจากปัญญา ก็หาพบความสำเร็จที่สมบูรณ์ไม่
ถ้าเป็นคนมีปัญญาที่แท้จริง คนๆ นั้นจะมีความแข็งแกร่งและความอ่อนสุภาพอยู่ในตัว

ปญจ.9:11 ข้าพเจ้าได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกว่า คนเร็วไม่ชนะในการวิ่งแข่งเสมอไป หรือฝ่ายมีกำลังไม่ชนะสงครามเสมอ ไป หรือคนฉลาดไม่รับประทานเสมอไป หรือคนมีความเข้าใจไม่ร่ำรวยเสมอไป หรือผู้ที่เชี่ยวชาญไม่ได้รับความ โปรดปรานเสมอไป แต่วารและโอกาสมีมาถึงเขาทุกคน
พระวจนะของพระเจ้าสอนให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น ... คนเร็วไม่ชนะในการวิ่งแข่งเสมอไป
คนที่มีกำลังไม่ชนะในสงครามเสมอไป แต่คนที่มีปัญญาย่อมได้พบความสำเร็จเสมอ
เพราะปัญญาจะทำให้เรารู้จักเวลา วาระและโอกาสต่างๆ และใช้มันอย่างถูกต้องเหมาะสม

สติปัญญา เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการนำชีวิตสู่ความสำเร็จ
องค์ประกอบของร่างกายทั้งหมดเคลื่อนไปได้ด้วยส่วนหัว (สมอง) ทั้งๆ ที่เป็นส่วนเล็กๆ เท่านั้น
โลกทั้งใบก็เช่นเดียวกัน เคลื่อนไปได้ เปลี่ยนแปลงได้ ด้วยสติปัญญาของคนบางคนเท่านั้น
เช่น คำสอนของบรรดาศาสดาของศาสนาต่างๆ

กุญแจในการพบความสำเร็จ -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ข้อได้เปรียบสำหรับลูกพระเจ้า คือ ถ้าเราขาดปัญญา เราสามารถทูลขอจากพระเจ้าได้
ยก.1:5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญาก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ
เมื่อเรามีปัญญา เราจะเป็นคนที่ “มอง” แล้ว “เห็น” เป็นคนที่ “ฟัง” แล้ว “ได้ยินและเข้าใจ”
สภษ.20:12 หูที่ฟังได้และตาที่มองเห็น พระเจ้าทรงสร้างมันทั้งสอง
คนในโลกนี้เป็นอันมาก มอง แต่ไม่เห็น ฟัง แต่ไม่ได้ยินและไม่เข้าใจ เพราะปราศจากปัญญานั่นเอง
มองเห็น คือ มองทะลุปัญหา ฟังได้ คือ ฟังแล้วเข้าใจ นำไปใช้กับชีวิตได้
ดังนั้น เรื่องสติปัญญาจึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนพอสมควร แต่เราสามารถอธิษฐานขอความเข้าใจนี้จากพระเจ้าได้

การศึกษาที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ควรมุ่งที่ “ใบปริญญา” แต่ควรมุ่งเน้นที่การ “ยกระดับปัญญา”
เราต้องคิดเสมอว่า อ่าน ดู ฟัง เรียนอะไรก็ตาม ปัญญาเราต้องสูงขึ้น ไม่ใช่เป็นการสะสมความโง่ให้เพิ่มพูนขึ้นในชีวิต
ระดับปัญญาที่สูงขึ้น จะทำให้เรามองไกลขึ้น ไม่ใช่มองใกล้ๆ จะทำให้เรามองละเอียดขึ้น ไม่ใช่มองอะไรอย่างหยาบๆ
ระดับปัญญาที่สูงขึ้น จะทำให้เรารู้ว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูด และถ้าจะพูดควรพูดเวลาใด
ระดับปัญญาที่สูงขึ้น ทำให้เราเห็นโอกาสในการประสบความสำเร็จมากขึ้น
อฟ.5:15-16 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญาจงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว
คนจะฉวยโอกาสและเห็นคุณค่าของเวลา ก็ต่อเมื่อเขามีปัญญาเท่านั้น
คนโง่ แม้โอกาสลอยอยู่ตรงหน้า เขาก็มองไม่เห็น แต่คนมีปัญญาจะมองเห็น และคว้าโอกาสนั้นไว้ได้

ปญจ.3:1-8 มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวารสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ มีวารเกิด และวารตาย มีวารปลูก และวารถอนสิ่งที่ปลูกทิ้ง มีวารฆ่า และวารรักษาให้หาย มีวารรื้อทลายลง และวารก่อสร้างขึ้น มีวารร้องไห้ และวารหัวเราะ มีวารไว้ทุกข์ และวารเต้นรำ มีวารโยนหินทิ้ง และวารเก็บรวบรวมหิน มีวารสวมกอด และวารงดเว้นการสวมกอด มีวารแสวงหา และวารทำหาย วารเก็บรักษาไว้ และวารโยนทิ้งไป มีวารฉีกขาด และวารเย็บ วารนิ่งเงียบ และวารพูด มีวารรัก และวารเกลียด วารสงคราม และวารสันติ
หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องปัญญาได้ดีที่สุด คงไม่พ้นพระธรรมปัญญาจารย์และสุภาษิต
หากอยากมีสติปัญญาที่เพิ่มพูนขึ้น อ่านและใคร่ครวญหนังสือสองเล่มนี้บ่อยๆ
พระเจ้าสอนให้คนมีปัญญา รู้จักเวลาและวาระต่างๆ ของชีวิต
วันนี้เขาเกลียด พรุ่งนี้เขาอาจจะรักก็ได้ วันนี้เขาโกรธ พรุ่งนี้เขาอาจจะดีก็ได้
เมื่อวานนี้และวันนี้ยังเลวอยู่ แต่วันพรุ่งนี้อาจจะกลับตัวให้ดีได้ ... เราต้องรู้เวลาของแต่ละคน

แหล่งที่มาของสติปัญญา
1) พระคัมภีร์ทั้งเล่ม
พระคัมภีร์หรือพระวจนะของพระเจ้า เป็นพระเจ้าที่ปรากฏในรูปของตัวอักษร
ดังนั้น แหล่งที่มาที่จะทำให้สติปัญญาของเราเพิ่มพูน คือ การอ่านพระวจนะรับเอาพระเจ้าเข้าสู่ชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระธรรมปัญญาจารย์และสุภาษิต จะสอนเรื่องปัญญาอย่างชัดเจน
สภษ.21:30-31 ปัญญาก็ดี ความเข้าใจก็ดี คำปรึกษาก็ดีจะเอาชนะพระเจ้าไม่ได้ ม้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับวันสงคราม แต่ความมีชัยเป็นของพระเจ้า
แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องระวัง คือ แม้มนุษย์มีปัญญามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะพระเจ้าได้
กุญแจในการพบความสำเร็จ -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ดังนั้น พระเจ้าต้องมาก่อน แล้วเราจะมีปัญญาที่สามารถประสบความสำเร็จได้

2) ผู้รับใช้พระเจ้าและนักปราชญ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้รับใช้ 5 ขุนพลที่เป็นของประทานจากพระเจ้า
อฟ.4:11 ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์
อัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาลและอาจารย์
ผู้รับใช้พระเจ้าเหล่านี้ จะสามารถถ่ายทอดถ้อยคำของพระเจ้าเพื่อเพิ่มพูนปัญญาให้กับเราได้
ถ้อยคำของพระเจ้าเป็นความล้ำลึก ไม่ใช่ใครทุกคนจะอ่านแล้วเข้าใจ แต่ต้องมีการเปิดเผยและสำแดงผ่านผู้รับใช้
ดังนั้น การผูกพัน ใกล้ชิดกับผู้รับใช้พระเจ้า ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เรามีปัญญามากขึ้น
แต่ย้ำว่า ต้องเป็นผู้รับใช้ที่พระเจ้าเจิมตั้งไว้ คือ เป็นผู้ที่มีผลงานจับต้องมองเห็นได้
ในเรื่องการสร้าง การนำ การสอนคน ไม่ใช่คนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รับใช้ แต่ไม่เคยมีผลงานอะไรเลย
ถ้าแม้แต่ตัวเองเขาไม่มีปัญญา เขาจะแบ่งปันปัญญาที่ไหนให้กับใครได้

สภษ.13:20 บุคคลที่เดินกับปราชญ์ ก็กลายเป็นคนฉลาด แต่เพื่อนฝูงของคนโง่จะรับภยันตราย
ไม่เพียงแต่ผู้รับใช้พระเจ้าเท่านั้นที่เพิ่มพูนปัญญาให้เราได้ บรรดานักปราชญ์ นักคิดก็สามารถเป็นแหล่งปัญญาของเราได้
เดินกับปราชญ์ คุยกับปราชญ์ แบ่งปันประสบการณ์กับปราชญ์ ก็สามารถทำให้เราเป็นปราชญ์ได้
วันนี้ เราต้องถามตัวเองว่า เราเดินและใช้ชีวิตอยู่กับคนกลุ่มไหน เพราะนั่นจะบ่งบอกว่าเราจะมีปัญญาเพิ่มขึ้นได้หรือไม่

3) หนังสือว่าด้วยความรู้ แนวคิด ปรัชญาชีวิตและประวัติบุคคลสำคัญ
หนังสือเป็นคลังปัญญาอย่างดี แต่หนังสือที่เราเลือกอ่านนั้น ต้องเป็นหนังสือที่ดีด้วย
คือ หนังสือว่าด้วยความรู้ แนวคิด ปรัชญาชีวิต หรือประวัติของบุคคลสำคัญ
หนังสือทุกเรื่องที่อ่าน ต้องให้ปัญญาแก่เรา ถ้าหนังสือเล่มใดอ่านแล้วไม่ใช่ปัญญา อย่าเสียเวลาอ่าน
และถ้าเราจะต้องเสียเงินไปกับบางสิ่ง เปลี่ยนจากการเสียให้เครื่องประดับภายนอก เช่น เสื้อผ้า แหวน นาฬิกา
มาเปลี่ยนเสียให้กับเครื่องประดับปัญญาของเราดีกว่า นั่นคือ การลงทุนซื้อหนังสืออ่าน
อ่านแล้วอธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้า
สุดท้ายขอฝากเรื่องของปัญญาไว้จากพระวจนะพระเจ้า ดังนี้
สภษ.8:10-12 จงรับคำสั่งสอนของเราแทนเงิน และความรู้แทนทองคำอย่างดี เพราะปัญญาดีกว่าทับทิม และสิ่งที่เจ้าปรารถนาทั้งหมดจะเปรียบเทียบกับปัญญาไม่ได้ เราคือปัญญา อยู่ในความหยั่งรู้ และเราพบความรู้และความเฉลียวฉลาด
ที่จริงแล้วแนวคิดจากพระวจนะพระเจ้าในการนำชีวิตเราพบความสำเร็จมีอีกหลายแง่มุม
แต่ข้าพเจ้ามั่นใจว่า เพียงแค่กุญแจ 3 ดอกนี้ หากใครคว้าไว้ได้ ก็สามารถไขชีวิตของเขาให้พบความสำเร็จได้เช่นกัน

No comments:

Post a Comment