Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ ความงดงามในความรัก ” จาก “ ยน.17:23,26 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 09 “รอบบ่าย” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ ความงดงามในความรัก ” จาก “ ยน.17:23,26 ”

ยน.17:23 ข้าพระองค์อยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา และพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์
ยน.17:26 ข้าพระองค์ได้กระทำให้เขารู้จักพระนามของพระองค์ และจะกระทำให้เขารู้อีก เพื่อความรักที่พระองค์ได้ทรงรักข้าพระองค์ จะดำรงอยู่ในเขา ข้าพระองค์อยู่ในเขา
สรรพสิ่งล้วนมีความงดงามอยู่ในตัว แต่ความงดงามที่สูงสุด และใหญ่ที่สุด คือ ความงดงามในความรัก
ความรัก เป็นเส้นทางธัมมะขั้นสูง นักบุญทุกท่านเดินตามทางเส้นนี้ พระเจ้าก็ทรงดำเนินเส้นทางนี้เช่นกัน
ความรักทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ และศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะความรักของพระเจ้า ความรักของสามีภรรยา ความรักของพ่อแม่ ความรักของเพื่อน ฯลฯ เป็นความงดงามทั้งสิ้น
เมื่อเราคิดได้ว่ามีใครสักคนที่รักเราจริง เราจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที รู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่า
รายละเอียดที่เป็นความงดงามในความรัก คือ การให้โอกาส ให้ความห่วงใย ให้อภัย ให้ชีวิต และความรักที่งดงามที่สุดที่มนุษย์พึงได้รับ คือ ความงดงามในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา
จากพระวจนะในตอนนี้ พระเจ้ารัก “เรา” เท่ากับ รัก “พระเยซูคริสต์”
ดังนั้น คุณค่าชีวิตของเราจึงสูงมาก สูงเท่าพระเยซู มีคุณค่าเท่าพระเยซู ความงดงามเช่นนี้แหละ ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ และเกิดความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

ทำไมความรักจึงได้เป็นสิ่งที่งดงามที่สุด?
1. ความรักของพระบิดาที่รักพระเยซู เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ ทรงอานุภาพ เป็นแก่นธรรมและเป็นความงามที่สูงสุด
ของปรัชญา และศาสดาทุกพระองค์
ยน.17:23 ... และพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์
พระเจ้า พระบิดา เป็นพระเจ้าของ 3 ศาสนา คือ ศาสนายิว ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม
ความรักของพระบิดา เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงอานุภาพ เป็นแก่นธรรมของทุกศาสนา
ธัมมะทั้งหมดของโลก ล้วนมาจากความรักของพระเจ้า

พระเจ้าพระบิดา ทรงรักเราทั้งหลาย เหมือนดังที่พระองค์ทรงรักพระเยซูคริสต์
พระเจ้าพระบิดา ทรงตรัสกับพระเยซูคริสต์ เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาว่า ...
มธ.3:17 และนี่แน่ะมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก"
พระสุรเสียงเดียวกันนั้น ตรงมาหาเราทุกคน พระบิดา รักเราเหมือนรักพระเยซู
ดังนั้น อย่าคิดน้อยใจ อย่ามีปมด้อย ไม่ว่าเราเป็นอย่างไร พระเจ้าทรงรักเรา และทรงรักเท่ารักพระเยซู
แต่อย่าใช้ความรักของพระเจ้ามาเป็นใบเบิกทางให้เราทำผิดบาป
จริงอยู่ที่พระเจ้าทรงรักเรา แต่ความรักของพระเจ้าไม่ได้ค้ำประกันว่าเราจะทำบาปแล้วไม่เจ็บ
ทุกครั้งที่มนุษย์ทำบาป จะเจ็บและมีรอยแผลในชีวิตของเราเสมอ
พระเจ้าเสียพระทัย แต่ให้อภัย ส่วนมนุษย์ก็ต้องรับผลของความบาปนั้น
เหมือนพ่อแม่รักลูก แต่เมื่อลูกทำผิดก็ต้องติดคุก เป็นต้น


คำเทศนา อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 09 “รอบบ่าย” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

1.1 ความรัก เป็นหัวใจของพระเจ้า
ยน.3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ความรัก เป็นสิ่งที่งดงาม และพระเจ้าทรงรักเรา เพราะความรักเป็นหัวใจของพระเจ้า
“พระเจ้าทรงรักโลก” คือ “รักคนทั้งโลก” รักคนที่อยู่บนแผ่นดินโลก
พระเจ้าทรงรักคนทั้งโลก เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นลมปราณของพระเจ้า
ปฐก.2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
คนที่มีลูก จะเข้าใจความรักของพระเจ้าได้มากขึ้น พ่อแม่รักลูกฉันใด พระเจ้ารักเราฉันนั้น
ลูกเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อแม่ ... มนุษย์ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระเจ้า เป็นลมปราณของพระองค์
นี่เป็นเหตุที่ทำให้พระเจ้าทรงรักเรามาก

1.2 ความรัก เป็นหัวใจของธัมมะ
ความรัก เป็นหัวใจของธัมมะ และเป็นหัวใจของพระคัมภีร์ทั้งเล่ม
1ยน.4:7-8 ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
พระคัมภีร์สรุปว่า คนที่ไม่รู้จักความรัก คือ คนที่ไม่รู้จักพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นความรัก คนที่รู้จักพระเจ้า ต้องรู้จักความรัก และมีความรักอย่างพระองค์
พระเจ้าทรงรักเราอย่างไร เราควรรักผู้อื่นอย่างนั้น พระเจ้าให้โอกาสเราอย่างไร เราควรให้โอกาสผู้อื่นอย่างนั้น
นี่คือหัวใจของความรักและธัมมะที่แท้จริง

2. ความรักที่พระบิดารักพระเยซูนั้น ทรงเป็นความงดงามที่ไม่สามารถพรรณนาได้
ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกว่ายิ่งใหญ่แล้ว ถึงขนาดมีการแต่งเป็นเพลงที่ว่า
“เอาโลกมาทำปากกา เอานภามาแทนกระดาษ ก็ไม่สามารถเขียนพรรณนาถึงความรักของท่านได้”
แต่ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่านั้น เขียนบรรยายความรักของพระองค์ใส่แผ่นน้ำหรือแผ่นฟ้าก็ไม่พอ
ความรักของพระเจ้างดงามจนไม่พรรณนาได้ทั้งหมด

เราทุกคนมีจุดอ่อน มีจุดบกพร่อง และยังทำบาปบางอย่างอยู่เสมอ แม้เป็นลูกพระเจ้า
เช่น ยังโกรธ เกลียด อิจฉา นินทา หรือรู้ว่าอะไรดีก็ไม่ทำ ทั้งหมดล้วนเป็นบาปในสายพระเนตรพระเจ้า
แต่พระเจ้ารักเราไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เคยรักน้อยลง มีแต่จะรักมากขึ้น
เชื่อได้เลยว่า วันที่มนุษย์จะต้องตกนรก น้ำพระเนตรของพระเจ้าไหล และพระทรวงของพระองค์จะเจ็บ
เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ทุกคน ไม่ปรารถนาให้ใครสักคนต้องพินาศไป
2ปต.3:9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้า ในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่

ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหน จึงไม่สามารถพรรณนาได้
2.1 เป็นความรักที่ตายแทนได้ แม้กับมนุษย์ที่บาปอยู่

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 09 “รอบบ่าย” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

รม.5:6-8 ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง พระคริสต์ก็ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนบาปในเวลาที่เหมาะสมไม่ใคร่จะมีใครตายเพื่อคนตรง แต่บางทีจะมีคนอาจตายเพื่อคนดีก็ได้แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
ขณะที่เราบาป ขณะที่เราชั่ว ขณะที่เราหันหลังให้พระเจ้า
พระองค์ทรงยอมตายบนกางเขน จ่ายหนี้บาปให้กับเรา พระเจ้าจ่ายหนี้แทนมนุษย์ทุกคน
ไม่มีเหตุสมควรใดที่พระเจ้าจะต้องทำเพื่อเราขนาดนี้ แต่เพราะพระเจ้ารักเรา
เราเป็นเชื้อสาย เราเป็นลมปราณของพระองค์
ที่สุดของความรักที่จะแสดงออกได้ คือ การให้ชีวิต และพระองค์ทำสิ่งนั้นแล้วกับเราทุกคน
นี่จึงสามารถกล่าวได้ว่า ความรักของพระองค์สูงล้ำเกินคำพรรณนาจริงๆ

2.2 ความรัก คือ ของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
พระวจนะใน 1 โครินธ์ 12 พระเจ้ากล่าวถึงของประทานต่างๆ ดังนี้
1คร.12:28 และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่งอัครทูต สองผู้เผยพระวจนะ สามครูบาอาจารย์ แล้วต่อจากนั้นก็มีผู้กระทำการอันเป็นอิทธิฤทธิ์ ผู้รักษาโรค ผู้อุปการะ ผู้ครอบครอง และผู้รู้ภาษาแปลกๆ
ของประทานของพระเจ้า คือให้บางคนเป็น ... ตามที่พระเจ้าทรงโปรด
แต่สุดท้ายพระเจ้าตรัสว่าให้แสวงหาของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
คือ ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นอัครทูต ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นผู้เผยพระวจนะ หรือตำแหน่งทั้งปวง
ของประทานนั้นคือ ความรัก
1คร.12:31 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาของประทานอันใหญ่ยิ่งกว่านั้น และข้าพเจ้าจะแสดงทางดีที่สุดแก่ท่านทั้งหลาย
(พระวจนะตอนนี้ จะไปต่อกับ 1คร.13 เรื่องความรัก)

2.3 ความรักนั้นเป็นทั้งหมดของคำสอนในพระคัมภีร์ เป็นความงดงามไม่เพียงที่สุดของโลก แต่ในสวรรค์ด้วย
1คร.13:1-3 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ ได้ เป็นภาษามนุษย์ก็ดี เป็นภาษาทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรักข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ และเข้าใจในความล้ำลึกทั้งปวงและมีความรู้ทั้งสิ้น และมีความเชื่อมากยิ่งที่สุดพอจะยกภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย แม้ข้าพเจ้าจะสละของสารพัดหรือยอมให้เอาตัวข้าพเจ้าไปเผาไฟเสีย แต่ไม่มีความรัก จะหาเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าไม่
1คร.13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
พระวจนะในบทนี้ ต่อเนื่องจากของประทานที่กล่าวว่ายิ่งใหญ่ที่สุด คือ ความรักนั่นเอง
ความรัก เป็นทั้งหมดของคำสอนในพระคัมภีร์ และเป็นความงดงามไม่เพียงในโลกเท่านั้น
แต่ยังเป็นความงดงามที่สุดในสวรรค์อีกด้วย
ถ้าไม่ใช่ความรักของพระเจ้า เราก็ไม่ได้มีโอกาสรู้จักกับพระองค์
แม้เราเก่งที่สุด มีความสามารถมากที่สุด แต่ไม่มีความรัก ก็ไม่มีชีวิต
อะไรก็ตามที่ไม่ได้ทำด้วยความรัก ก็เท่ากับไม่มีชีวิต เป็นเพียงหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรที่ทำตามหน้าที่เท่านั้น
เหมือนเล่นดนตรีเพราะ แต่ปราศจากจิตวิญญาณ
คนที่ไม่มีความรัก ก็ไม่มีค่าอะไร ในสายพระเนตรของพระเจ้า ในสายตาของสวรรค์
จำไว้ประโยคหนึ่งว่า ... “ความเชื่อ” ทำให้เรา “ได้มา” มากที่สุด
แต่ “ความรัก” ทำให้เราสามารถ “รักษาสิ่งนั้นไว้” ได้มากที่สุด

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 09 “รอบบ่าย” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

3. ความรักแบบนี้ พระเจ้าต้องการให้ดำรงอยู่ในผู้เชื่อ
เมื่อความรักเป็นสิ่งที่งดงามที่สุด สวยงามที่สุด ทั้งในโลกและในสวรรค์
พระเจ้า จึงปรารถนาให้ความรักของพระองค์ดำรงอยู่ในเราทุกคน
ยน.17:26 ข้าพระองค์ได้กระทำให้เขารู้จักพระนามของพระองค์ และจะกระทำให้เขารู้อีก เพื่อความรักที่พระองค์ได้ทรงรักข้าพระองค์ จะดำรงอยู่ในเขา ข้าพระองค์อยู่ในเขา

ชีวิตคนเรามันเริ่มต้นอย่างไร ไม่สำคัญเท่า จบลงอย่างไร
เราสามารถที่จะรู้ว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับใคร ให้ดูที่ผลงานของเขา และให้ดูว่าชีวิตของเขามีความรักอย่างพระเจ้าหรือไม่
ยน.15:16 ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน

3.1 เมื่อความรักอย่างพระเจ้าดำรงอยู่ จึงไม่ใช่เป็นเพียงความรู้สึกหรือเจตนารมณ์ แต่เป็นชีวิต
เมื่อความรักของพระเจ้า ดำรงอยู่ในชีวิตของผู้ใด
มันไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึก หรือเจตนารมณ์ แต่มันกลายเป็น “ชีวิต” ... เป็นชีวิต คือ ไม่รักไม่ได้ ไม่ทำไม่ได้
ไม่มีใครบังคับให้พ่อแม่รักลูก แต่พ่อแม่รัก เพราะลูก คือ ชีวิต
สดด.103:13 บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด พระเจ้าทรงสงสารบรรดาคนที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น
ลูกทำผิด พ่อแม่โมโห แต่ก็ไม่สามารถตัดขาดความรักได้ เพราะลูกเป็นชีวิตของพ่อแม่
เราเองมีโอกาสผิดพลาด แต่พระเจ้ารักเราเสมอ ให้โอกาสเราเสมอ

พระวจนะใน ลก.15 ทั้งบท กล่าวถึง 3 หาย คือ การหายจากพระเจ้า 3 อย่าง ดังนี้
1) แกะหาย ... คริสเตียนทุกคนเป็นแกะของพระเจ้า
เมื่อแกะหายไป พระเจ้าตามกลับมา เพราะพระองค์ทรงรักและหวงแหนแกะ
2) เหรียญหาย ... คุณค่าชีวิตหายไป
หลายคนตกต่ำเหมือนเหรียญหาย แต่พระเจ้าหากลับมา เพื่อมันจะมีคุณค่าอีกครั้ง
เหรียญหรือเงิน ต้องอยู่ในมือคน จึงจะใช้ประโยชน์ได้
ชีวิตคน ต้องอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและผู้อื่น
3) บุตรหาย ... ผู้รับใช้หลงหาย
ไม่มีใครตามกลับมาได้ นอกจากเขาจะสำนึกผิดเอง เพราะเป็นคนที่เก่งและรู้พระคัมภีร์
สำคัญที่เมื่อเขากลับมาแล้ว พ่อดีใจ พระเจ้าดีใจ แต่พี่ชายคนโตกลับอิจฉาไม่พอใจ
คริสเตียนพี่คนโตมีมาก เห็นคนทำผิด สำนึกผิด แทนที่จะดีใจ กลับซ้ำเติม
เราต้องสวมหัวใจเดียวกับพระเจ้า รักอย่างพระเจ้า ให้โอกาสอย่างพระเจ้า
ต้องให้ความรักอย่างพระเจ้า ดำรงและเป็นชีวิตของเราอย่างแท้จริง

3.2 พระเจ้าอยากเห็นความรักแบบนี้ในลูกๆ ของพระองค์
มธ.5:38-47 ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า ตาแทนตา และฟันแทนฟัน ฝ่ายเราบอกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตรถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่าน ก็จงให้อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า จงรักคนสนิท และเกลียดชังศัตรูฝ่ายเราบอกท่านว่า
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 09 “รอบบ่าย” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่านทำดังนี้แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตก แก่คนชอบธรรมและคนอธรรมแม้ว่าท่านรักผู้ที่รักท่าน จะได้บำเหน็จอะไร ถึงพวกเก็บภาษีก็ยังกระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของตนฝ่ายเดียว ท่านได้กระทำอะไรเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนทั้งปวงเล่า ถึงคนต่างชาติก็กระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ
ลูกพระเจ้า ต้องแตกต่างจากโลก ... ความรักของพระเจ้าที่มีอยู่ในตัวเรา ส่งผลให้เราทำสิ่งที่ต่างจากโลก
ทางโลก บอกตาแทนตา ฟันแทนฟัน แต่พระเจ้าสอนให้เรานิ่ง ไม่โต้ตอบกับคนที่ทำไม่ดีกับเรา
ใครอยากทำร้ายเรา ปล่อยให้เขาทำไป เพราะพระเจ้าทรงยุติธรรม พระองค์จะทรงจัดการเอง
แต่คนที่จะทำตามอย่างที่พระเจ้าสอนได้ จิตใจต้องสูงมาก
เราต้องถามตัวเองเสมอว่า เชื่อพระเจ้านานขึ้น จิตใจเราสูงขึ้นหรือไม่?
เดินตามพระเจ้า เท้าต้องติดดิน ต้องเป็นคนถ่อม แต่จิตใจเราต้องสูง และต้องสูงขึ้นทุกวัน

บ่อยครั้งต้องทำเป็นโง่ แม้ไม่โง่ บ่อยครั้งต้องไม่ตอบโต้ แม้อยากตอบโต้ใจจะขาด
การบ้านที่เราต้องทำส่งพระเจ้าไม่ง่าย แต่เราจะทำได้มากขึ้นเมื่อเราเติบโตขึ้น
คนที่ทำร้ายเรา เราไม่รังเกียจ แต่สงสาร ... นี่คือเส้นทางของคนที่เติบโต คนที่เดินกับพระเจ้า
เป็นเส้นทางนักบุญ เป็นเส้นทางธรรมิกชนอย่างแท้จริง
ใครด่ามา เราอวยพรตอบ เพราะเรายึดหลักของพระเจ้า หว่านสิ่งใดได้เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น
กท.6:7 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น
เราอวยพรผู้อื่น พระเจ้าจะอวยพรเรา ... ทำดีกับคน เราจะได้ดีแน่

รม.12:18-21 ถ้าเป็นได้ คือเรื่องที่ขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน ดูก่อน ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าทำการแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบสนองอย่าแก้แค้นเลย ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
หลักการที่พระเจ้ามอบให้เราทุกคน คือ อยู่อย่างสงบกับทุกคน ไม่ใช่บางคน
มอบการแก้แค้นไว้กับพระเจ้า ใครอยากบ่นๆ ไป เมื่อเรานิ่งทุกอย่างก็นิ่ง วางใจพระเจ้า
ใครไม่หยุดการร้ายต่อเรา การร้ายจะไปถึงเขา พระเจ้าทรงพระชนม์ พระองค์ทรงยุติธรรม
กฎแห่งการหว่านเป็นจริงเสมอ หว่านสิ่งใด ได้สิ่งนั้น
หากเราหว่านความรัก เราจะได้รับความรักทั้งจากพระเจ้าและจากมนุษย์
ชีวิตที่ดำเนินไปด้วยความรักอย่างพระเจ้า แม้ลมหายใจก็ยังมีความสุข
นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้เกิดขึ้นกับลูกพระเจ้าทุกคน

4. ความรักจะงดงาม ต้องแสดงออกเป็นการกระทำ
ความรักที่ไม่แสดงออก คือ การฆาตกรรม ... ไม่มีใครทนอยู่กับคนที่ไม่แสดงออกด้านความรักได้
เมื่อเรามีความรักของพระเจ้าดำรงอยู่ในชีวิต เราต้องแสดงออกให้พระเจ้าและผู้อื่นรู้ด้วย

4.1 ไม่แสดงออกถึงความรัก แสดงว่า ไม่มีพระเจ้า


คำเทศนา อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 09 “รอบบ่าย” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

1ยน.3:17 แต่ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังใจจืดใจดำไม่สงเคราะห์เขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นอย่างไรได้
ไม่แสดงออกถึงความรัก แสดงว่าไม่มีพระเจ้าอยู่ในชีวิต
เป็นแค่เพียงคนที่ “รู้เรื่อง” พระเจ้าเท่านั้น แต่ยังไม่ “รู้จัก” พระองค์อย่างแท้จริง

4.2 ความรักของพระเจ้า จะดำรงและดำเนินอยู่ในลูกของพระองค์ได้ ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์
เรื่องชีวิต เป็นเรื่องศาสตร์ และศิลป์ ต้องประยุกต์ใช้ให้ถูกต้อง ดังนี้

ก. ต้องมีการให้ไม่สิ้นสุด จึงจะสุข
กจ.20:35 ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"
การให้ไม่มีสิ้นสุด เป็นเหมือนน้ำที่ไหลอยู่เสมอ ... น้ำใจ คือ จิตใจใส
เราต้องฝึกจิตใจให้เป็นผู้ให้อยู่เสมอ “มุ่งช่วยเหลือ” ดีกว่า “มุ่งเอาชนะ”
มุ่งช่วยเหลือ ดูเหมือนแพ้ แต่ที่จริงคือ ชัยชนะอย่างเด็ดขาด คือ ชนะใจคน
สิ่งที่เราสามารถให้ได้ไม่สิ้นสุด คือ ให้ความเข้าใจ ให้อภัย ให้ความคิด ให้เวลา ฯลฯ

ข. ต้องให้อย่างจริงใจ ผู้รับสัมผัสได้ และมีคุณค่า
ทุกคนมีสัมผัสที่หก สามารถสัมผัสได้ว่าใครรักเราจริง
ดูจากสายตา ดูจากคำพูด ดูจากการกระทำ รักหรือเกลียด เราสัมผัสได้
ถ้าหัวใจเรามีความรักของพระเจ้า มันจะส่งคลื่นออกไปจากชีวิตของเรา กระทบคนรอบข้าง
เราจะให้อะไรใคร ต้องให้อย่าง “จริงใจ” ไม่ใช่ “จำใจ” ... ความจริงใจ จะทำให้คนยอมรับเรา

ค. ต้องให้ความเข้าใจ จึงจะเห็นใจ และได้รับการยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
สิ่งที่เราต้องเข้าใจเกี่ยวกับมนุษย์ จึงจะเข้าใจมนุษย์อย่างแท้จริง คือ
(1) เข้าใจความเหมือน ความต่างของคน
เราเหมือนกันที่เป็นคน ต้องการความรัก ต้องการการยอมรับ ต้องการคนเข้าใจ
แต่เราต่างกันที่การศึกษา สถานภาพ สภาพแวดล้อม ความเชื่อ ฯลฯ
ความต่าง ทำให้คนคิดต่าง และทำต่าง เราต้องเข้าใจ
(2) เข้าใจจุดอ่อน จุดแข็งของคน
ทุกคนมีทั้งจุดอ่อน และจุดแข็ง เราต้องเข้าใจ จึงจะยอมรับทุกคนอย่างที่เขาเป็นได้
(3) เข้าใจความเป็น และความมีของคน
เขาเป็น หรือ เขามีอะไร เราต้องเข้าใจ จึงจะให้ความรัก ความเข้าใจอย่างถูกต้อง เหมาะสม

ง. ต้องให้ชีวิต การกระทำของเราทั้งหมด เป็นแรงบันดาลใจให้คนทำดี ส่งมอบความรักนั้นต่อๆ ไป
ชีวิตของเรา ต้องเป็นแรงบันดาลใจให้กับคน ใครเห็นเรา ต้องเห็นความรักของพระเจ้า
ให้ความรักของพระเจ้า สร้างความงดงามในชีวิตของเรา
คำพูด ความคิด การกระทำของเรา ต้องงดงามและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น
เพื่อจะทำสิ่งดี และสร้างความงดงามให้กับโลกใบนี้ต่อๆ ไป

No comments:

Post a Comment