Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ ธัมมะที่บริสุทธิ์ ตอน ชำระตัวให้พ้นจากราคีของโลก ” จาก “ ยก.1:26-27 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 19 ก.ค. 09 “รอบเช้า” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ ธัมมะที่บริสุทธิ์ ตอน ชำระตัวให้พ้นจากราคีของโลก ” จาก “ ยก.1:26-27 ”

ยก.1:26-27 ถ้าผู้ใดเข้าใจว่าตัวเป็นคนมีธัมมะและมิได้สงบปากคำ แต่หลอกลวงตัวเอง ธัมมะของผู้นั้นก็ไม่มีประโยชน์ ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
มนุษย์ทุกคนต้องการความสุข ความสงบ และสันติ เราจะไปสู่ทางนั้นได้ต้องเริ่มต้นที่เป็นคนมีธัมมะ และไม่ใช่ธัมมะธรรมดา แต่เป็นธัมมะที่บริสุทธิ์
พระวจนะในตอนนี้ เป็นธัมมะที่บริสุทธิ์ ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้า ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการด้วยกัน คือ
1) ต้องสงบปากคำ
2) ต้องมีความเมตตา : เยี่ยมเยียนเด็กกำพร้า และหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน
3) รักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
แต่ละองค์ประกอบเป็นคำที่สั้นมาก แต่ในขณะเดียวกันกลับมีความหมายอย่างลึกซึ้ง สำหรับหนังสือในตอนนี้นั้น จะเน้นข้อสาม คือ รักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก

นักปราชญ์ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า “เรานับเมล็ดในผลน้อยหน่าได้ แต่ไม่มีใครนับผลน้อยหน่าในเมล็ดน้อยหน่าได้”
เมล็ดน้อยหน่าหนึ่งเมล็ด นำไปปลูกต่อๆ กันไป ใครจะรู้ว่าหนึ่งเมล็ดนั้นจะให้ผลน้อยหน่ากี่ผล?
“เมล็ดน้อยหน่า” ก็ไม่ต่างกับ “เมล็ดพันธุ์ความคิด” หรือ “เมล็ดพันธุ์ปัญญา” ถ้าเรามีเมล็ดพันธุ์ทางความคิดหรือเมล็ดพันธุ์ปัญญา แม้เพียงนิด เราก็สามารถต่อยอดชีวิตของเราได้
พระวจนะตอนนี้ เป็นเมล็ดพันธุ์หนึ่งของพระเจ้าที่มีประโยชน์มาก หากเราเข้าใจ เข้าถึงอย่างแท้จริง

1. ธัมมะที่บริสุทธิ์ หมายถึง ธัมมะขั้นสูง หรือแก่นธรรม
แก่นธรรมของทุกศาสนา แท้จริงไม่ได้แตกต่างกัน
ธัมมะที่บริสุทธิ์ในข้อนี้ ตรงกับพุทธพจน์ ที่ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต”
นักเทศน์หลายคนไม่อยากอ้างอิงถึงศาสดาของศาสนาอื่น เพราะเกรงว่าจะเป็นการไม่เคารพพระเจ้า
แต่หลักความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้ากล่าวเสมอว่า “ศาสนาสูงส่ง แต่พระเจ้าสูงสุด”
ใครที่เข้าถึงแก่นศาสนาที่แท้จริง จะรู้จักกับพระเจ้าได้ไม่ยากเลย
พระเยซูตรัสแล้วว่า พระองค์ไม่ได้มาทำลายศาสนา ไม่ได้มาทำลายธัมมะ แต่พระองค์มากระทำให้สมบูรณ์
มธ.5:17 อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ

แก่นธรรมทางศาสนาพุทธ คือ
1.1 พุทธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ใครรู้ ใครตื่น ใครเบิกบาน ผู้นั้น คือ “พุทธแท้”
พวกที่เข้าวัดทุกวัน ทำบุญเป็นประจำ แต่ไม่รู้ ไม่ตื่น ไม่เบิกบาน ... ยังไม่ใช่พุทธแท้
รู้ คือ รู้สัจธรรม ความจริง, ตื่น คือ ตื่นจากหลับ ไม่หลง ไม่งมงาย ไม่โง่, เบิกบาน คือ ชื่นชมยินดีในทุกสถานการณ์
ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผู้นั้น ยังกล่าวไม่ได้ว่าเป็นพุทธแท้

1.2 พุทธแท้ ต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
เมตตา คือ ปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 19 ก.ค. 09 “รอบเช้า” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

กรุณา คือ ปรารถนาให้ผู้อื่นได้พ้นทุกข์
มุทิตา คือ ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
อุเบกขา คือ การวางเฉย วางตัวเป็นกลาง

1.3 อย่าเชื่อเพราะ ... (กาลามสูตร – วิธีปฏิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา, อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา, อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์, อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก, อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล, อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา

แก่นแท้ของธัมมะทางพุทธศาสนานั้น ถ้าเราเข้าใจธัมมะที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า เราก็เข้าถึงได้
การเข้าถึงธัมมะที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า จึงบรรลุแก่นธรรมทางพุทธศาสนาด้วย
ดังนั้น ผู้ใดมีองค์พระเยซูคริสต์ ผู้นั้นก็บรรลุแก่นธรรมทางศาสนา

2. ธัมมะที่บริสุทธิ์ ตอน รักษาตัวให้พ้นราคีของโลก คือ ชำระความคิด ทัศนคติ
เราจะมีธัมมะที่บริสุทธิ์ โดยรักษาตัวให้พนจากราคีของโลก
ด้วยการ “ชำระความคิด ชำระทัศนคติ”
ชำระให้ไม่เหมือนโลก ชำระให้ต่างจากโลก ชำระให้เหนือโลก
ชำระราคี เป็นมากกว่า การเลิกเมา เลิกด่า เลิกขโมย
แต่เป็นการอยู่เหนือทัศนคติต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องของโลก
เช่น โลกตีค่าคนที่จำนวนเงิน แต่เราเห็นมนุษย์ทุกคนมีคุณค่า
โลกรังเกียจคนเมาสุรา แต่เรารังเกียจคนที่เมาอำนาจมากกว่า
โลกเห็นความสำคัญของการเป็นเจ้าคนนายคน แต่เราเห็นความสำคัญของการเป็นทาสสมัครรับใช้ เป็นต้น

2.1 ชำระความคิด ให้คิดอย่างพระเจ้า ไม่ใช่คิดอย่างคนทั่วไป
มธ.16:23 พระองค์จึงหันพระพักตร์ตรัสกับเปโตรว่า "อ้ายซาตานจงไปให้พ้นเจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เพราะเจ้าคิดอย่างคน มิได้คิดอย่างพระเจ้า"
คิดอย่างมนุษย์ คิดอย่างคนทั่วไป คือ คิดว่าเงินเป็นพระเจ้า คิดว่าวัตถุเป็นใหญ่สำคัญที่สุด
เราเข้าใจความคิดของคนทั่วไป แต่เราไม่คิดอย่างนั้น
เรื่องแนวคิด ทัศนคติ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะมันกำหนดชีวิตของเรา
คนเป็นอย่างที่เขาคิด เราคิดอย่างไร เราก็ใช้ชีวิตและกระทำอย่างนั้น

2.2 ชำระความคิด โดยระวังรักษาใจ
สภษ.4:23 จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้านเพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ
ชำระความคิด ต้องเริ่มต้นจากการรักษาใจ ระวังระไวรอบด้าน
เพราะ “ชีวิต” เริ่มต้นจากใจ
อธิบายให้ชัดเจน คือ ความสุข ความสำเร็จ ความคิด เริ่มต้นจากใจ

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 19 ก.ค. 09 “รอบเช้า” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

2.3 เราต้องชำระความคิด เพราะ สงครามชีวิต คือ สงครามความคิด
การชำระความคิดให้อยู่เหนือโลก สำคัญมาก เพราะสงครามชีวิต คือ สงครามความคิด
เพราะ “ความคิด” กำหนด “ชีวิต”
ความคิดคน กำหนดชีวิตคน ถ้าปรัชญาชีวิตผิด ก็บริหารชีวิตผิด
สำหรับพระเจ้าแก่นสารชีวิต คือ ความชอบธรรม สันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น
รม.14:17 เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
สังคมอ่อนแอ คนอ่อนแอ เพราะคำสอนในคริสตจักรอ่อนแอ
ยิ่งใกล้พระเจ้า เราต้องยิ่งดีขึ้น บรรลุแก่นธรรมมากขึ้น ไม่ใช่ยิ่งโง่ขึ้น วุ่นวายขึ้น

3. ผลของการชำระความคิด หรือรักษาตัวให้พ้นราคีของโลก
การชำระความคิด และรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลกนั้น มีผลดีมากมาย ดังนี้
3.1 ทำให้มนุษย์สามารถ ...
ก. สามารถตัดส่วนเกินของชีวิตได้
ตัดส่วนเกินของชีวิต คือ เว้นจากความโลภ
คนส่วนใหญ่ทุกข์ เพราะให้ความสำคัญกับส่วนเกินของชีวิต
เสียเวลากับส่วนเกิน ละเลยส่วนที่จำเป็น
เห็นคนอื่นมี ก็อยากมีบ้าง สร้างหนี้ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น

ข้าพเจ้าพูดเสมอว่า “ต้องปลูกไม้ยืนต้น แล้วต้นไม้ล้มลุกจะตามมาเอง” (เหมือนกาฝาก ขึ้นตามต้นไม้ใหญ่)
ไม้ยืนต้น คือ ส่วนที่สำคัญ ส่วนที่จำเป็นของชีวิต
ส่วนไม้ล้มลุก คือ ส่วนเกิน
ถ้าเราสร้างตัวเองให้เป็นต้นไม้ใหญ่ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่มีทรัพย์สินเงินทองหรือวัตถุ

คนที่จะตัดส่วนเกินของชีวิตได้ ต้องเป็นคนที่มีกำลังมาก
คือ กำลังความดี กำลังความชอบธรรม กำลังวุฒิภาวะ
รักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก จะได้ “ครอบครองโลก” ไม่ใช่ถูก “โลกครอบครอง”
2คร.6:10 เป็นคนที่มีความทุกข์ แต่ยังมีความยินดีอยู่เสมอ เป็นคนยากจน แต่ยังทำให้คนเป็นอันมากมั่งมี เป็นคนไม่มีอะไรเลย แต่ยังมีสิ่งสารพัดบริบูรณ์
อย่าไปเสียเวลากับส่วนเกิน แต่ให้ความสำคัญกับส่วนจำเป็น แล้วเราจะมีความสุข
เราต้องมีแนวคิดอย่างพระเจ้า ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากก็เป็นสุขได้
ความสุข คือ การดำเนินชีวิตและการทำในสิ่งที่มีคุณค่า
คนจะสุขกับการทำงาน ต้องใหญ่กว่างานที่ทำ คือ คุมงานได้ มองทะลุตั้งแต่ต้นจนจบ
ถ้าเรามีเงิน จะมีความสุข ต้องใหญ่กว่าเงิน อย่าให้เงินคุมเรา

พระเยซูไม่มีทรัพย์สมบัติ แต่ทำให้คนเป็นมั่งมีและเป็นสุข
ครั้งหนึ่งพระองค์เลี้ยงคนเป็นหมื่นด้วยขนมปัง 5 ก้อน และ ปลา 2 ตัว
ยังเหลืออีก 12 กระบุง ... สิ่งนี้พระเจ้าสอนเราให้เห็นคุณค่าของทุกสิ่ง
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 19 ก.ค. 09 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

หลายครั้งเพราะเราไม่เห็นคุณค่าของบางสิ่ง มันจึงไม่มีค่ากลับมาหาเรา

ข. สามารถเติมส่วนที่ขาดของชีวิต เป็นผู้มีปัญญา สามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้
2คร.9:8-9 และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วยตามที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า เขาแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์
คนเข้าถึงพระเจ้าจริงๆ จะมีความสามารถในการตัดส่วนที่เกินและเติมส่วนที่ขาดของชีวิตได้
พระเจ้าให้เรามีพอสำหรับตัวอยู่เสมอ ...
เราถูกสร้างให้เป็นอย่างไร ขนาดไหน เราเป็นมด เป็นแมว เป็นหมา หรือเป็นม้า
พระเจ้าก็ให้เรามีพอสำหรับตัวขนาดนั้น
น้ำในแก้วใหญ่เหลือเพียงครึ่งแก้ว แต่ถ้าเราเปลี่ยนขนาดของแก้วน้ำให้เล็กลง
ปริมาณน้ำเท่าเติม แต่มันจะกลายเป็นน้ำเต็มแก้วทันที
เราต้องกล้าเปลี่ยน ต้องจมให้ลง ต้องตัดส่วนที่เกินและเติมส่วนที่ขาดให้ได้

1คร.3:5-7 อปอลโลคือผู้ใด เปาโลคือผู้ใด คือผู้รับใช้ ซึ่งได้สอนพวกท่านให้เชื่อ เราแต่ละคนได้รับใช้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดให้ ข้าพเจ้าปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงโปรดให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ
เปาโล เป็นผู้หนึ่งที่เข้าถึงแก่นธรรม ตัดทั้งส่วนที่ขาดและเติมส่วนที่เกินได้
ท่านกล่าวว่า ตัวท่านเป็นใคร อปอลโล เป็นใคร หมายถึง ตัวเขาไม่ได้มีความหมายอะไร
เราทุกคนแค่ทำหน้าที่ตามที่พระเจ้ามอบหมายให้ทำเท่านั้น
ใครๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับพระเจ้า ผู้ทำให้ทุกสิ่งเกิดผลได้

ค. สามารถทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการทรงสร้างเราได้
ปฐก.1:26-28 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิงพระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จง ครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
ผู้ใดสามารถรักษาตัวให้พ้นจากราคีได้ ชำระความคิด ชำระทัศนคติได้
ผู้นั้นก็สามารถทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการทรงสร้างมนุษย์ได้สำเร็จ
พระเจ้าสร้างให้ปกครองแผ่นดิน หมายถึง มนุษย์แต่ละคนเกิดมาพร้อมความสามารถพิเศษเฉพาะตัว
ทุกคนมีความสามารถในการปกครองสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างได้
เราทุกคนเป็นคนพิเศษ เราทุกคนมีดี ... แต่อย่าไปแข่งดีกับผู้อื่น
เราต้องเข้าให้ถึงแก่นธัมมะ เพราะคนที่ไม่เข้าถึงแก่นธัมมะ ก็ยังถือว่าเป็นคนที่มีราคีของโลก

3.2 ทำให้เข้าถึงแก่นธรรม
พระวจนะสามารถนำและสร้างให้เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้
ผู้ที่เข้าถึงแก่นธรรม พระวจนะก็สามารถนำและสร้างชีวิตของเขาให้เป็นผู้นำได้
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 19 ก.ค. 09 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

แต่อย่าลืมว่าเป็นผู้นำในระดับของเรา โดยไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น
คริสเตียน ต้องไม่มีปม คือ ไม่มีทั้งปมเด่น และปมด้อย
ใครดีกว่าเรา เก่งกว่าเรา ให้เราดีใจด้วย
ใครด้อยกว่าเรา อย่าไปดูหมิ่น แต่อธิษฐานเผื่อ

นิยามของผู้นำ คือ
ก. ผู้นำ คือ ผู้ที่เห็น “ก่อน” ผู้อื่นเห็น
สภษ.20:12 หูที่ฟังได้และตาที่มองเห็น พระเจ้าทรงสร้างมันทั้งสอง
ผู้นำ ต้องมีการริเริ่ม ผู้นำ ต้องมีการนำ ... จะนำและริเริ่มได้ ต้องเห็นก่อนคนอื่น

ข. ผู้นำ คือ ผู้ที่เห็น “มากกว่า” ผู้อื่นเห็น
อฟ.3:18-19 ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึกคือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
พระวจนะพระเจ้า ทำให้เราเห็นได้มากกว่า ไกลกว่า กว้างกว่า ลึกกว่า สูงกว่าเดิม

ค. ผู้นำ คือ ผู้ที่เห็น “ไกลกว่า” คนอื่นเห็น
ฟป.1:21 เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร
เปาโล มองเห็นไกลกว่าผู้อื่น มองไกลถึงโลกหน้า
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นอีกบุคคลหนึ่ง ตัวท่านตายไปนานแล้ว
แต่แนวคิดของท่านยังไม่ตาย มนุษย์ยังพัฒนาความคิดนั้นให้เป็นประโยชน์ได้อยู่เรื่อยๆ
เพราะท่านมองไกลกว่าคนอื่น ... ผู้นำที่ดี ต้องทิ้งมรดกไว้ให้ชนรุ่นหลังสานต่อ

ง. ผู้นำ คือ ผู้ที่ “ทำมากกว่า” คนอื่นทำ
ผู้นำ ต้องทำมากกว่าเงินที่ได้รับ (ไม่ใช่เงินน้อย งานก็น้อยตามเงิน)
ทำมากกว่างานที่รับมอบหมาย (ไม่ใช่ทำตามคำสั่งเท่านั้น)

จ. ผู้นำ คือ ผู้ที่ “เป็นมากกว่า” คนอื่นเป็น
ฟป.3:4 ข้าพเจ้าก็มีมากกว่าเขาเสียอีก
1คร.15:10 แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่นี้ ก็เนื่องด้วยพระคุณของพระเจ้า และพระคุณของพระองค์ซึ่งได้ทรงประทานแก่ข้าพเจ้านั้น มิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสียอีก มิใช่ตัวข้าพเจ้าเองทำ พระคุณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่กับข้าพเจ้าต่างหากที่ทำ
ประเทศไทย คนอยากจะ “เป็น” รัฐมนตรีมีมาก แต่คนอยาก “ทำงาน” รัฐมนตรีมีน้อย
เราจะเป็นได้ ก็ต่อเมื่อเราทำได้ เราจะทำได้ ก็ต้องเมื่อสิ่งนั้นเป็นจิตวิญญาณของเรา
ทำเพราะจิตสำนึกที่ดี ไม่ใช่ทำเพียงเพราะเป็นหน้าที่
ถ้าเรามีคนที่ “เป็นมากกว่า” ผู้อื่น มากๆ ประเทศและสังคมจะเจริญ คริสตจักรก็เจริญด้วย

3.3 ทำให้เราอยู่เหนือโลก อยู่เหนือมาร
วว.4:7ค ...และสัตว์ตัวที่สี่เหมือนนกอินทรีกำลังบิน
ผู้ที่เข้าถึงแก่นธัมมะที่บริสุทธิ์ จะเป็นเหมือนนกอินทรีที่กำลังบินอยู่เหนือโลก
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 19 ก.ค. 09 “รอบเช้า” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เหนือโลก คือ เหนือโลกียะ เหนือผี เหนือมารซาตาน
พ้นจากการครอบงำด้วยทัศนคติ และแนวคิดของโลก
เหนื่อยแต่ไม่ทุกข์ มีมาก เพื่อให้ได้มาก แต่ก็ต้องรับผิดชอบมาก

เมื่ออายุมากขึ้น ลองมองย้อนดูชีวิต
ก. รู้สึกอย่างไรกับชีวิตเรา ?
ข. เราทำอะไร ? กับชีวิตที่เป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้มา
ค. ความยาวสั้นของชีวิต ไม่สำคัญเท่ากับเราทำอย่างไรกับชีวิต
เราจะใช้ชีวิตได้ถูกต้อง เราต้องมีชีวิตที่อยู่เหนือโลก

3.4 ทำให้เราอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นทาสโลก ไม่เป็นของโลก และไม่รักโลก
ถ้าเราชำระความคิด ชำระตัวให้พ้นจากราคีของโลก
จะส่งผลให้แม้ชีวิตเราจะต้องอยู่ในโลก แต่เราไม่เป็นทาสโลก เป็นไม่ของโลกและไม่รักโลก
ยน.17:14-16 ข้าพระองค์ได้มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่เขาแล้ว และโลกนี้ได้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลกข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ ให้พ้นจากมารร้ายเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก
1ยน.2:15-17 อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้นเพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา แต่เกิดมาจากโลกและโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์

เราทำงาน หาเงิน แต่ไม่เป็นทาสเงิน และไม่รักเงิน
ตรงกันข้าม เราจะกลายเป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ขาดแคลนและผู้ขัดสน
1ทธ.6:17-19สำหรับคนเหล่านั้นที่มั่งมีฝ่ายโลก จงกำชับเขาอย่าให้มีมานะทิฐิ หรือให้เขามุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง แต่จงหวังในพระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่ง เพื่อความสะดวกสบายของเราจงกำชับให้เขากระทำดี ให้กระทำดีมากๆให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัวอย่างนี้ จึงจะเป็นการวางรากฐานอันดีไว้สำหรับตนเองในภายหน้า เพื่อว่าเขาจะได้รับเอาชีวิต ซึ่งเป็นชีวิตอันแท้จริง
ชีวิตเราก็มีเพียงแค่เท่านั้น รวยล้นฟ้า วันหนึ่งก็ต้องหมดลมหายใจ
ความสุขของชีวิต อยู่ที่การทำประโยชน์ การทำดี และการมีสาระ

3.5 ทำให้กายเราหลุดจากโลกียะ
คส.3:5 เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ
คส.3:8-10 แต่บัดนี้ สารพัดสิ่งเหล่านี้ท่านจงเปลื้องทิ้งเสีย คือความโกรธ ความขัดเคือง การคิดปองร้าย การพูดเสียดสี คำพูดหยาบโลนอย่าพูดมุสาต่อกัน เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่า กับการปฏิบัติของมนุษย์นั้นเสียแล้วและได้สวมวิสัยมนุษย์ใหม่ ที่กำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายของพระองค์ผู้ทรงสร้าง ให้รู้จักพระเจ้า
คส.3:12-13 เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นานจงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน
คส.3:17 และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า และขอบพระคุณพระบิดาเจ้า โดยพระองค์นั้น

No comments:

Post a Comment