Monday, April 25, 2011

เรื่อง “ บันไดทองของชีวิต ” จาก “ ยน.10:10 ”

คำเทศนา เรื่อง บันไดทองของชีวิต -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ บันไดทองของชีวิต ” จาก “ ยน.10:10 ”

ยน.10:10 ...เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
- ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เป็นชีวิตที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นได้
- ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เป็นธรรมชาติชีวิตของชาวสวรรค์และผู้เชื่อ
- ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข ทั้งด้านร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ
พระเยซูคริสต์ มาเพื่อให้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์แก่มนุษย์ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์นั้น เป็นเป้าหมายของมนุษย์ทุกคน และในขบวนการก้าวไปสู่ความครบบริบูรณ์ของชีวิตนั้น พระเจ้ามีบันไดทองของชีวิต 5 ขั้น เพื่อนำเราก้าวไปสู่จุดนั้น

1. พระเยซูคริสต์ มาเพื่อให้มนุษย์มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์โดยสะท้อนความเป็นตรีเอกานุภาพของพระองค์ ชีวิตมนุษย์ประกอบด้วย 3 ส่วน
คือ ร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ ความครบบริบูรณ์ที่พระเจ้าประทานให้เรานั้น
เป็นความครบบริบูรณ์ทุกด้านไม่ใช่ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
1.1 ความบริบูรณ์ด้านร่างกาย
ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ สิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ ปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, ยารักษาโรคและที่อยู่อาศัย
สิ่งเหล่านี้ พระเจ้าจะทรงประทานให้กับคนของพระองค์ไม่ขาด มีพอ มีเหลือ พระเจ้าทรงสัญญา
2คร.9:8-9 และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย ตามที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า เขาแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์
ถ้าเราประพฤติตามแนวทางของพระเจ้า ความบริบูรณ์ทางร่างกายจะเป็นของเรา
ทางของพระเจ้า การร่ำรวยหรือการมีเงิน ไม่ได้เป็นบาปแต่อย่างใด สิ่งที่เป็นบาป คือ การเป็นทาสเงินต่างหาก
คนของพระเจ้า จำเป็นต้องมีมาก เพื่อที่เขาจะสามารถให้ออกไปได้มากด้วย มีเพื่อให้ ไม่ใช่มีเพื่ออวด
แต่ทั้งนี้เราจะมีได้ ก็ต้องเชื่อฟังพระเจ้าและกระทำตามสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสไว้
สดด.91:16 เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา
ความบริบูรณ์ด้านร่างกายนั้น ไม่เพียงแต่มีไม่ขาดเท่านั้น แต่พระเจ้ายังประทานสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ให้กับเราด้วย
เราจะมีความสุขใจพร้อมด้วยอายุที่ยืนยาว (บางคนอายุยืนยาว แต่เต็มไปด้วยความทุกข์เพราะสุขภาพไม่ดี)

1.2 ความบริบูรณ์ด้านจิตใจ
จิตใจ คือ อารมณ์ แนวคิด ทัศนคติ พระเจ้าจะดูแลให้เรามีความบริบูรณ์ในด้านนี้ด้วย
บางคนร่ำรวย แต่ปราศจากความสุข บางคนเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่จบลงด้วยการฆ่าตัวตาย
เพราะร่างกายกับจิตใจเป็นคนละส่วนกัน พระเจ้าไม่เพียงดูแลเราฝ่ายร่างกายเท่านั้น แต่พระเจ้าดูแลเราด้านจิตใจด้วย
สดด.119:98-100 พระบัญญัติของพระองค์ กระทำให้ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระ องค์เสมอ ข้าพระองค์มีความเข้าใจมากกว่าบรรดาครูของข้าพระองค์เพราะบรรดาพระโอวาทของพระองค์เป็นคำภาวนาของข้า พระองค์ ข้าพระองค์เข้าใจมากกว่าคนสูงอายุ เพราะข้าพระองค์รักษาข้อบังคับของพระองค์
พระวจนะของพระเจ้า จะทำให้เรามีแนวคิดและทัศนคติที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต
ถ้าเราคิดถูก ทำถูก ชีวิตของเราก็มีความสุข เพราะว่าชีวิตของมนุษย์เริ่มต้นที่ใจ
สภษ.4:23 จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะว่าชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ
ความสุข ความทุกข์ของคนเริ่มต้นจากใจ จากความคิด จากทัศนคติ จากอารมณ์ที่อยู่ภายใน
คำเทศนา เรื่อง บันไดทองของชีวิต -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

1.3 ความบริบูรณ์ด้านจิตวิญญาณ
ที่สุดของชีวิตมนุษย์ คือ จิตวิญญาณ เพราะจิตวิญญาณมนุษย์มาจากพระเจ้าและจิตวิญญาณนั้นเป็นนิรันดร์
ปฐก.2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผลคลีดินระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
“ลมปราณของพระเจ้า” คือ “จิตวิญญาณของมนุษย์”
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่มีจิตวิญญาณ เพราะพระเจ้าระบายลมปราณของพระองค์ในมนุษย์
จิตวิญญาณ เป็นที่ก่อให้เกิดศีลธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ซึ่งมีในมนุษย์เท่านั้น
ปญจ.12:7 และผงคลีกลับไปเป็นดินอย่างเดิม และจิตวิญญาณกลับไปสู่พระเจ้าผู้ประทานให้มานั้น
วันหนึ่งร่างกายของมนุษย์ต้องกลับไปเป็นดิน จิตใจสูญสลายไป แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่และต้องกลับไปหาพระเจ้า
พระเจ้าประทานความบริบูรณ์ฝ่ายจิตวิญญาณ คือ พระเจ้ามาเติมเต็มด้านจิตวิญญาณของมนุษย์
ลึกๆ มนุษย์ทุกคนรู้ว่ามีสิ่งที่อยู่เหนือตัวเอง การตั้งศาสนาต่างๆ เป็นการแสดงออกว่ามนุษย์ต้องการพระเจ้า
ผู้ที่พบกับพระเจ้า ก็จะรับการเติมเต็มด้านจิตวิญญาณที่เราแสวงหานั้น
โลกนี้เรามีความสุขและมีสันติสุขจากพระเจ้า โลกหน้าจิตวิญญาณของเรากลับไปอยู่กับพระองค์
หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แต่มีชีวิตเป็นนิจนิรันดร์กับพระเจ้า นี่คือความบริบูรณ์ด้านจิตวิญญาณ
รม.14:17 เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
ยน.5:24 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดฟังคำของเราและวางใจในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ผู้นั้นก็มีชีวิตนิรันดร์ และไม่ถูกพิพากษา แต่ได้ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว

2. ขบวนการที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ มีบันไดทอง 5 ขั้น ดังนี้
พระเจ้ามาเพื่อให้ความบริบูรณ์แก่มนุษย์ก็จริง แต่กว่าที่มนุษย์จะรับความบริบูรณ์นั้นได้ ต้องใช้เวลา ต้องมีขบวนการ
พระเจ้าจะสร้างเราเป็นขั้นตอน ตั้งแต่เกิดจนตาย และพระเจ้าประสงค์ให้เราสร้างคนอื่นๆ ในแบบเดียวกัน
2.1 บันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 1 : อายุ 1-15 ปี
บันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 1 คือ ขั้นแรกของชีวิต ช่วงเวลาของวัยเด็ก
ถ้าเราสร้างบันไดขั้นนี้อย่างแข็งแรง ชีวิตก็สามารถก้าวไปสู่ขั้นต่อๆ ไปได้อย่างเข็มแข็ง
ข้อคิดในการเดินขึ้นบันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 1
(1) เราต้องตระหนักว่า วัยเด็กเป็นวัยที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นก้าวแรกของชีวิต
ใครที่จะมีชีวิตครบบริบูรณ์ ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรกอย่างถูกต้อง
ก้าวแรกของเราจะถูกต้อง ต้องมีแนวคิดที่ถูกต้องจากพระเจ้า แนวคิดนั้นคือ “เราเป็นเมล็ดพันธุ์ของพระเจ้า”
ปฐก.1:26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
เราเก่งจากพระเจ้า เราถูกสร้างอย่างพระเจ้า อยู่ในโลกเพื่อทำความดี ขยายเผ่าพันธุ์แห่งความดีของพระเจ้า
(2) ต้องมีการเพาะเมล็ดพันธุ์ของพระเจ้าอย่างเร็วที่สุด เพราะวัยนี้มีความสามารถเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
สิ่งแวดล้อมรอบตัว สิ่งที่เขาเห็น สิ่งที่เขาได้ยิน จะซึมซับและก่อตัวเป็นจิตวิญญาณของเขา
เราคงได้ยินคำว่า you are what you eat ไม่ได้หมายถึงร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึงอารมณ์ และจิตใจที่ได้รับผ่านสิ่งที่เห็นด้วย
ตัวอย่าง เกิดในครอบครัวที่พูดด้วยเหตุผล – เด็กจะมีเหตุผลตามที่เขาเห็น
เกิดในครอบครัวที่ใช้อารมณ์ – เด็กจะใช้อารมณ์ตามที่เขาเห็น
(3) หลักในการสร้างเด็ก
ก. ใส่ใจ แต่ไม่ตามใจ
คำเทศนา เรื่อง บันไดทองของชีวิต -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

พ่อแม่ทุกคนเลี้ยงลูก แต่น้อยคนสร้างลูก ... ลูกจะเติบโตอย่างเข้มแข็ง เราต้องสร้าง
ในการสร้างต้องใส่ใจ เห็นคุณค่า เห็นความสำคัญ แต่ไม่ตามใจไปทุกเรื่อง เพราะในที่สุดจะเป็นการรังแกและฆ่าลูก
ข. รูรั่วนิดเดียว ทำให้เรือใหญ่จมได้
การคิดว่าเขายังเป็นเด็ก อะไรปล่อยได้ให้ปล่อย อะไรผ่านได้ให้ผ่าน เป็นความประมาท อาจฆ่าและทำลายเด็กได้
เด็กจะมีอนาคตดี มีคุณธรรม พ่อแม่ต้องปั้นสร้างตั้งแต่ยังเด็ก
ค. พ่อแม่ต้องเป็นแบบชีวิตของลูก มีอิทธิพลชีวิตต่อลูก
พาเขาทำ ... สิ่งที่ดีๆ ให้เขาทำ, ดูห่างๆ และให้รางวัล ใส่สิ่งดีๆ ในจิตใจ ในตา ในอารมณ์ของเด็กตลอดเวลา
ง. พ่อแม่ต้องรักษาคำพูด ยิ่งเด็ก ยิ่งต้องมีเหตุผล ให้ คือ ให้, ตี คือ ตี
(4) ข้อคิดจากพระวจนะ
สภษ.22:6 จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น
สภษ.12:1 ผู้ใดที่รักวินัยก็รักความรู้ แต่บุคคลที่เกลียดการตักเตือนก็เป็นคนโฉด
สภษ.19:18 จงตีสอนบุตรชายของตนเมื่อยังมีความหวัง อย่าจงใจให้เขาถึงพินาศไป
สภษ.20:30 การเฆี่ยนที่ให้เป็นบาดแผล ก็ชำระความชั่วเสีย การโบยตีกระทำให้ส่วนลึกที่สุดสะอาดสะอ้าน
สภษ.29:15 ไม้เรียวและคำตักเตือนให้เกิดปัญญา แต่ถ้าปล่อยเด็กไว้แต่ลำพังจะนำความอับอายมาสู่มารดาของตน
ต้องฝึก ต้องสร้าง ต้องให้วินัยชีวิตแก่เขาตั้งแต่เด็ก
บันไดทองขั้นแรก คือ อายุ 1-15 ปี เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้าง ในการฝึก ในการสอน
เพราะยังเป็นไม้อ่อน ดัดง่าย ปั้นง่าย เราอยากให้เขาเป็นอย่างไร สร้างเขาตั้งแต่ตอนนี้
(5) ตัวอย่างผู้รับใช้ในพระคัมภีร์ที่ถูกสร้างตั้งแต่เด็ก
ก. โมเสส
อพย.2:5-10 เมื่อพระราชธิดาของฟาโรห์ลงไปสรงที่แม่น้ำ และพวกสาวใช้เดินเที่ยวไปตามริมฝั่ง พระนางทรงเห็นตะกร้าอยู่ ระหว่างกอปรือ จึงทรงสั่งให้สาวใช้ไปนำมา เมื่อเปิดตะกร้านั้นออกก็เห็นทารกกำลังร้องไห้ พระนางทรงเมตตาทารกนั้น ตรัสว่า "นี่เป็นลูกชาวฮีบรู" พี่สาวทารกจึงทูลถามพระราชธิดาของฟาโรห์ว่า "จะให้หม่อมฉันไปหานางนมชาวฮีบรูมาเลี้ยงทารกนี้ให้พระนาง ไหม" พระราชธิดาของฟาโรห์จึงมีรับสั่งว่า "ไปหาเถิด"หญิงสาวนั้นจึงไปเรียกมารดาของทารกนั้นมา ฝ่ายพระราชธิดาของฟาโรห์ จึงตรัสสั่งหญิงนั้นว่า "รับเด็กนี้ไปเลี้ยงไว้ให้เราแล้วเราจะให้ค่าจ้าง" หญิงนั้นจึงรับ ทารกไปเลี้ยงไว้ เมื่อทารกเติบใหญ่ขึ้นแล้ว นางก็พามาถวายพระราชธิดาของฟาโรห์ พระนางก็รับไว้เป็นพระราชบุตรของพระนาง ประทานชื่อว่า โมเสส ตรัสว่า "เพราะเราได้ฉุดขึ้นมา {ชื่อ โมเสส คล้ายคำฮีบรูที่แปลว่า ฉุดขึ้นมา} จากน้ำ"
ข. ทิโมธี
2ทธ.1:5 ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่าน อันเป็นความเชื่อซึ่งเมื่อก่อนได้มีอยู่ในโลอิสยายของท่าน และในยูนีสมารดาของท่านและบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่ในท่าน
กจ.16:1 ฝ่ายเปาโลไปยังเมืองเดอร์บีกับเมืองลิสตราด้วย และนี่แน่ะ ที่นั่นมีสาวกคนหนึ่งชื่อทิโมธี มารดาเป็นชาติยิว และเป็นศิษย์พระเยซู แต่บิดาเป็นชาติกรีก
ค. พระเยซูคริสต์
ลก.2:51-52 แล้วพระกุมารก็ลงไปกับเขา ไปยังเมืองนาซาเร็ธ อยู่ใต้ความปกครองของเขา มารดาก็เก็บเรื่องราวทั้งหมดนั้นไว้ในใจ พระเยซูก็ได้จำเริญขึ้นในด้านสติปัญญา ในด้านร่างกาย และเป็นที่ชอบจำเพาะพระเจ้า และต่อหน้าคนทั้งปวงด้วย
เด็ก คือ อนาคตของชาติ อนาคตของคริสตจักร อนาคตของครอบครัว เขาจะเป็นอย่างไรขึ้นกับเราสร้างเขาอย่างไรในวันนี้

2.2 บันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 2 : อายุ 16-30 ปี
ในช่วงอายุนี้ สามารถรับการสร้างได้มากขึ้น เพราะความเข้าใจชีวิตมีมากขึ้น
คำเทศนา เรื่อง บันไดทองของชีวิต -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ถ้าในขั้นนี้เราไม่สร้างชีวิตให้ดี อาจจะไม่สามารถเดินขึ้นบันไดทองขั้นต่อไปได้
ข้อคิดในการเดินขึ้นบันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 2
(1) ต้องสร้างวินัยชีวิตให้มากขึ้น
1คร.9:24-27 ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย ส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งโดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้ามิได้ต่อสู้อย่างนักมวยที่ชกลม แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้
วินัย ทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จได้อย่างไร วินัย ก็ทำให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จอย่างนั้น
(2) ต้องมีเหตุผลมากขึ้น
1ปต.3:15 แต่ในใจของท่าน จงเคารพนับถือ พระคริสต์ว่าเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อท่านจะสามารถตอบทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด แต่จงตอบด้วยใจสุภาพและด้วยความนับถือ
จะตัดสินใจทำสิ่งใด ต้องมีเหตุมีผล ต้องมีที่มาที่ไป
(3) ต้องทำงานหนักมากขึ้น
ปฐก.2:15 พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน
คุณค่าของคน เกิดจากการทำงาน พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้ทำงาน เริ่มตั้งแต่สวนเอเดน
การทำงาน ถือเป็นเกียรติศักดิ์ศรีของชีวิตมนุษย์ คนไม่ทำงาน แม้จะร่ำรวยล้นฟ้า แต่ถือว่าชีวิตไร้เกียรติและไม่มีคุณค่า
ที่สำคัญ พระเจ้าอวยพรคนของพระองค์ผ่านหน้าที่การงานที่เขาทำ ถ้าเราไม่ทำงานเราก็ไม่สามารถรับพระพรได้
2ธส.3:10 แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าผู้ใดไม่ยอมทำงานก็อย่าให้เขากิน
(4) ต้องประหยัด เก็บออมมากขึ้น
ในขั้นนี้ ถือเป็นขั้นของการเริ่มสร้างชีวิต ถ้าเราไม่รู้จักประหยัดและเก็บออม เราจะไม่มีเหลือไม่มีเก็บ
ยน.6:12 เมื่อเขาทั้งหลายกินอิ่มแล้วพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "จงเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้ อย่าให้มีสิ่งใดตกหล่น"
พระเยซูสั่งให้เก็บเศษอาหาร เล็งถึง พระเจ้าสอนให้เรารู้จักเก็บออม เห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ

2.3 บันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 3 : อายุ 30-45 ปี
ข้อคิดในการเดินขึ้นบันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 3
(1) ต้องเรียน ทำงานและเก็บออมให้มากขึ้น เพราะเป็นขั้นลงรากฝังลึก
ประเทศที่พัฒนาแล้ว จะทำงานหนักตอนหนุ่มสาวและเที่ยวกันตอนแก่
ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบ้านเรา เพราะไม่รับการสอนการสร้างตั้งแต่ขั้นแรก
จึงสนุกสนานในวัยหนุ่มสาว และเป็นภาระของสังคมเมื่อวัยชรา
- ต้องประหยัดให้มากที่สุด เพื่อมีทุนเพิ่มขึ้น
- ต้องเป็นนักลงทุน ต้องมีรายได้หลายอย่าง อย่าเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเดียว
- ต้องอุดรูรั่วของชีวิต เช่น เลิกฟุ่มเฟือย เลิกชั่ว (อบายมุข ทำให้เสียทุกอย่าง) เลิกขี้เกียจ เป็นต้น
(2) ต้องเตรียมชีวิต รับใช้พระเจ้าและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ก. ปรัชญาของนักมวย “ไม่สำคัญว่าหมัดหนักแค่ไหน สำคัญที่รับหมัดหนักได้แค่ไหน”
ถ้าเราไม่รับการเตรียมชีวิต เราก็ไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้
ข. เป้าหมายชีวิต ต้องเป็น “สะพาน” ไม่ใช่ “ปลายทาง”
คำเทศนา เรื่อง บันไดทองของชีวิต -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ค. ชีวิตต้องเป็นดวงอาทิตย์ให้ได้ แม้ตกต่ำยังส่องแสงในโพรงหญ้า ขึ้นสูงสุดก็ยังสว่างเหมือนเดิม
(3) ต้องเพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ให้กว้างขึ้น
ก. นิยามความสำเร็จ
ความสำเร็จ กับ ความลำบาก เป็นของคู่กัน
ความสำเร็จ กับ ความลำบาก ทำให้เราเห็นโลกที่สมบูรณ์ เพราะเห็นทั้งสองด้าน
สดด.23:4-5 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระ องค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์ พระองค์ทรงเตรียมสำรับให้ข้าพระองค์ ต่อหน้าต่อตาศัตรูของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเจิมศีรษะข้าพระองค์ด้วยน้ำ มัน ขันน้ำของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่
หุบเขาเงามัจจุราช ปัญหาและอุปสรรค สร้างวีรบุรุษและวีรสตรี
ข. นิยามความสุข
การดำเนินชีวิตอย่างผู้รู้ มีประโยชน์ มีสาระ ส่งผลให้ชีวิตมีความสุข แม้จะไม่สะดวกสบาย
วัตถุ เสื่อมสภาพ เป็นความสุขจอมปลอม แต่ความสุขที่แท้จริง คือ การเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
(4) รับการสร้างจากพระวจนะให้แข็งแกร่ง
มธ.16:18 ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตรและบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้
ถ้าเรารับการสร้างอย่างแข็งแกร่งจากพระวจนะของพระเจ้า แม้ความตายก็ไม่สามารถทำลายเราได้
ชีวิตของเราจะตั้งมั่นคงดำรงเป็นนิตย์
ก. ความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ของคน ไม่ได้วัดกันที่วัตถุ แต่วัดที่วิธีคิดและการกระทำ
ข. ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเป็นได้
ค. นกในกรงออกจากกรงไม่ได้ฉันใด ผู้เขลาออกจากทุกข์ไม่ได้ฉันนั้น
ง. เราหวังสิ่งที่ดีที่สุด และเตรียมรับสิ่งเลวร้ายที่สุดได้
ฟป.4:11-13 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
รม.8:35-37 แล้วใครจะให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระคริสต์ได้เล่า จะเป็นความทุกข์ หรือความยากลำบาก หรือการเคี่ยวเข็ญ หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์จึงถูกประหารวันยังค่ำ และนับว่าเป็นแกะสำหรับจะเอาไปฆ่า แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย
พระวจนะของพระเจ้า ทำให้เราเป็นผู้ที่แข็งแกร่งตัวจริง

2.4 บันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 4 : อายุ 45 – 60 ปี
ข้อคิดในการเดินขึ้นบันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 4
(1) อายุมากขึ้น ชีวิตต้องมีองค์ความรู้มากขึ้น
ในขั้นนี้ อย่าเพียงมีอายุมากขึ้นเท่านั้น แต่องค์ความรู้ในชีวิตของเราต้องมากขึ้นด้วย
ก. ต้องรู้แบบบูรณาการ
ความรู้แบบบูรณาการ คือ ต้องรู้จักป่าทั้งผืน ไม่ใช่รู้จักเพียงต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่งเท่านั้น
ในป่าประกอบด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ทุกชนิดต้องพึ่งพากันและกัน
คำเทศนา เรื่อง บันไดทองของชีวิต -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ในโลกนี้ก็เช่นเดียวกัน ประกอบด้วยมนุษย์ที่มีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เราต้องมีความเข้าใจชีวิต
เราจะอยู่ท่ามกลางความหลากหลายได้อย่างมีความสุข ก็ต่อเมื่อมองโลกอย่างบูรณาการ
ทุกคนต่างมีความหลากหลาย แม้อึดอัดแต่ต้องอดทน ต้องมีศิลปะในการอยู่ร่วมกัน
ข. ต้องเกี่ยวข้องกับศาสตร์ทุกศาสตร์
ในโลกนี้มีศาสตร์ต่างๆ มากมาย เช่น รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เกษตรศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ฯลฯ
แต่ศาสตร์ทุกศาสตร์เป็นหนึ่งเดียว เราต้องสามารถเชื่อมโยงศาสตร์แต่ละศาสตร์ไว้ด้วยกันได้
แล้วเราจะสามารถใช้ประโยชน์จากศาสตร์แต่ละศาสตร์ได้อย่างมีคุณค่า
(2) อายุมากขึ้น ชีวิตต้องเป็นประโยชน์มากขึ้น
ชีวิตของเราจะเป็นทองคำของพระเจ้า ถ้าชีวิตของเราเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ก. การทำงาน
ปฐก.1:28 พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จง ครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
เราต้องปกครองโลก เราต้องอยู่เหนือโลก
สดด.1:3 เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญ ขึ้น
เราต้องทำทุกอย่างที่เราทำได้ แล้วพระเจ้าจะอวยพรเราผ่านหน้าที่การงานนั้นๆ
ฟป.4:13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
เมื่อเราทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด พระเจ้าจะมาเสริมกำลังให้สิ่งที่เราทำนั้นดีขึ้น เป็นประโยชน์ขึ้น
ข. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจต่อผู้อื่น
ฮบ.13:6 จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
กจ.20:35 ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"

2.5 บันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 5 : อายุ 60 ปีขึ้นไป
ขั้นนี้เป็นขั้นสูงสุดและเป็นขั้นสุดท้ายของชีวิต
สำหรับคนของพระเจ้าที่รับการสร้างตั้งแต่ขั้นแรก ขั้นนี้ถือเป็นขั้นแจกทอง คือ ชีวิตเป็นพระพรต่อผู้อื่น
ข้อคิดในการเดินขึ้นบันไดทองของชีวิต ขั้นที่ 5
(1) ขั้นแจกทอง ไม่ได้หมายถึง มั่งมีฝ่ายวัตถุเท่านั้น
แต่หมายถึง ชีวิตธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา เพราะเข้าใจ เข้าถึงชีวิตอย่างแท้จริง
2คร.8:12 เพราะว่าถ้ามีน้ำใจพร้อมอยู่แล้ว พระเจ้าก็พอพระทัยที่จะทรงรับตามที่ทุกคนมีอยู่ มิใช่ตามที่เขาไม่มี
พระเจ้าทรงพอพระทัยในสิ่งที่เรามี ไม่ใช่ สิ่งที่เราไม่มี
2คร.8:13 ข้าพเจ้าไม่ได้หมายความว่าให้การงานของคนอื่นเบาลง และให้การงานของพวกท่านหนักขึ้น
ชีวิตเป็นการให้กันไปให้กันมา
(2) แม้ทรัพย์สินมีไม่มาก แต่ชีวิตสามารถเป็นพระพรมาก
2คร.8:1-6 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เราใคร่ให้ท่านทราบถึงพระคุณของพระเจ้า โดยที่พระองค์ได้ทรงโปรดประทานแก่คริสตจักรต่างๆในแคว้นมาซิโดเนีย เพราะว่าเมื่อคราวที่พวกเขาถูกทดลองอย่างหนักได้รับความทุกข์ยาก ความยินดีล้นพ้นของเขาและความลำบากยากจนอย่างที่สุดของเขานั้น ก็ล้นออกมาเป็นใจศรัทธาอย่างยิ่ง เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่า เขาศรัทธา
คำเทศนา เรื่อง บันไดทองของชีวิต -7- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ถวายโดยสุดความสามารถของเขา ที่จริงก็เกินความสามารถของเขาเสียอีก และเขายังได้วิงวอนเรามากมาย ขอให้เขามีส่วนในการช่วยธรรมิกชนด้วย ไม่เหมือนที่เราได้คาดหมายไว้ แต่ข้อสำคัญที่สุด ได้ถวายตัวเขาเองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วได้มอบตัวให้เราตามพระทัยพระเจ้า จนถึงกับเราได้เตือนทิตัสให้ไปช่วยพวกท่านทำการกุศลนั้น จนสำเร็จตามที่ท่านได้ลงมือไว้แล้ว
เรียนรู้จากคริสตจักรของพระเจ้าในแคว้นมาซิโดเนีย
แม้เผชิญความยากลำบาก แต่ความศรัทธาสูงสุด แม้เผชิญความยากลำบาก ยังมีน้ำใจให้กับผู้อื่นเสมอ
ที่สำคัญที่สุด คือ การถวายและอุทิศตัวให้กับพระเจ้า ที่จริงแล้ว ทรัพยากรมนุษย์นี้แหละเป็นทรัพย์ที่มีค่าที่สุด
(3) ชีวิตที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข
ถ้าเรารับการสร้างอย่างถูกต้องตั้งแต่ขั้นแรก เมื่อถึงขั้นสุดท้ายของชีวิต เราจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข
ก. อายุยืนยาวพร้อมความสุขใจ อิ่มใจ
สดด.91:16 เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา
สดด.103:5 ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของท่าน วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี
ข. กุญแจสู่ความอายุยืนพร้อมความสุขใจ
โยบ.5:17-27 ดูเถิด มนุษย์คนใดที่พระเจ้าทรงติเตือนก็เป็นสุข เพราะฉะนั้นอย่าดูหมิ่นการตีสอนขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เพราะพระองค์ทรงให้บาดเจ็บ แต่พระองค์ทรงพันแผลให้ พระองค์ทรงโบยตี แต่พระหัตถ์ของพระองค์ทรงรักษา พระองค์จะทรงช่วยกู้ท่านจากความยากลำบากหกประการเออ เจ็ดประการ จะไม่มีเหตุร้ายมาแตะต้องท่าน ในคราวกันดารอาหาร พระองค์จะทรงไถ่ท่านออกจากความตาย และในการสงคราม จากอานุภาพของดาบ จะทรงซ่อนท่านไว้จากการใส่ร้ายของลิ้น และจะไม่กลัวการทำลายเมื่อมันมาถึง ท่านจะเยาะการทำลายและการกันดารอาหาร และจะไม่กลัวสัตว์ป่าดิน ท่านจะญาติดีกับหินแห่งทุ่งนา และสัตว์ป่าทุ่งจะอยู่ดีๆกับท่าน ท่านจะทราบว่าเต็นท์ของท่านปลอดภัย และท่านจะตรวจดูคอกแกะของท่านและไม่ขาดไปสักตัวเดียว ท่านจะทราบด้วยว่าพงศ์พันธุ์ของท่านจะมากมายและลูกหลานของท่านจะเป็นอย่างหญ้าแห่งแผ่นดินโลก ท่านจะมาที่หลุมศพของท่านเมื่อแก่หง่อม อย่างฟ่อนข้าวที่นำมาสู่ลานตามฤดู นี่แหละ เป็นข้อที่เราตรองออกมาเป็นความจริงจงฟังและทราบ เพื่อประโยชน์ของตนเถิด"
- ยอมรับการตี ยอมรับการปั้น การสร้าง การสอนจากพระเจ้า
- การตีสอนเจ็บย่อมเจ็บและมีแผล แต่มันทำให้เราโตขึ้น เอาชนะตัวเองได้มากขึ้น
ลก.9:23 พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า "ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา
สภษ.16:32 บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจของตนเอง ก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้
พระพรของผู้ที่รับยอมรับการสอน
1) รับการช่วยกู้จากความยากลำบาก
2) ไม่มีเหตุร้ายมาแตะต้อง
3) ในการกันดารอาหารจะไม่อด
4) ในการสงครามจะรับการดูแล
5) พระเจ้าซ่อนเราไว้จากการใส่ร้ายของลิ้น
6) ไม่กลัวการทำลายเมื่อมาถึง
7) ครอบครัวจะปลอดภัย
8) พระเจ้าจะดูแลทรัพย์สิน
9) ลูกหลานมั่นคง
10) อายุยืนยาวพร้อมความสุขใจ

No comments:

Post a Comment