Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ การบริหารชีวิต ” จาก “ ลก.9:24-25, 1คร.6:3 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 3 ม.ค. 10 “รอบเช้า” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ การบริหารชีวิต ” จาก “ ลก.9:24-25, 1คร.6:3 ”

ลก.9:23-25 พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า "ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามาเพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร
1คร.6:3 ท่านไม่รู้หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์ ถ้าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสมควรสักเท่าใด ที่เราจะพิพากษาตัดสินความเรื่องของชีวิตนี้
คำสอนเรื่องการบริหารชีวิต เป็นส่วนหนึ่งในคำสอนหลักของคริสตจักรร่วมนิมิต ในเรื่อง 5 อารักขา คือ
1) อารักขาชีวิต (การบริหารชีวิต)
2) อารักขาพระคัมภีร์
3) อารักขาทรัพย์สินเงินทอง
4) อารักขาเวลา
5) อารักขาความสามารถ
พระเจ้าตรัสว่า คนที่จะเป็นสาวกของพระองค์ ต้องเป็นคนที่เอาชนะตัวเองได้ คนที่เอาชนะตัวเองได้ คือ คนที่สามารถบริหารชีวิตของตนเองได้นั่นเอง
คนเราถ้าได้ของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิต จะมีประโยชน์อะไร? ต่อให้ได้เงินทุกสกุลในโลก ได้ทองทุกแท่งในโลก ได้น้ำมันทุกบ่อในโลก แต่ต้องสูญเสียความสุข และความสงบของชีวิต หรือต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เช่น สามี ภรรยา ลูก หรือรวยล้นฟ้า แต่ตายไปแล้วตกนรก จะมีประโยชน์อะไร?
คำสอนในเรื่องนี้ จึงจำเป็นมากสำหรับเรา ถ้าเราเข้าใจเรื่องการอารักขาหรือการบริหารชีวิต ก็จะสามารถนำพาชีวิตของเราไปตลอดรอดฝั่งได้ จำไว้ว่า “แนวคิดและทัศนคติเรื่องชีวิตสำคัญที่สุด เพราะถ้าทัศนคติเราอ่อนด้อย จะส่งผลให้การดำเนินชีวิตและการบริหารชีวิตของเราอ่อนแอ”
ดูตัวอย่างของสังคมไทย (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในเรื่องนี้) พ่อแม่สอนลูกให้เรียนสูงๆ เพื่อที่จะได้เป็นเจ้าคนนายคน แทนที่จะสอนให้เรียนสูงๆ เพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากขึ้น รวมไปถึงค่านิยมของคนที่ได้ทำงานตำแหน่งรัฐมนตรีก็เพื่อที่จะเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล (วันเดียว เดือนเดียวก็อยากเป็นกัน) แทนที่จะตระหนักตำแหน่งนั้นคือหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อทัศนคติเรื่องชีวิตเราด้อย การบริหารชีวิตของเราจึงด้อยด้วย
ขอพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจชีวิตและบริหารชีวิตของเราให้ดีขึ้น

1. การบริหารชีวิต คือ การบริหารงาน บริหารเวลา และบริหารความสุขของชีวิตให้สมดุล
ให้เป็นชีวิตที่มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
1คร.6:3 ท่านไม่รู้หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์ ถ้าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสมควรสักเท่าใด ที่เราจะพิพากษาตัดสินความเรื่องของชีวิตนี้
พระเจ้าถือว่าผู้เชื่อทุกคน เป็นนักบุญ (Saint) ของพระเจ้า
และการเป็นนักบวช การเป็นนักบุญนี้ ไม่ใช่เป็นที่เครื่องแต่งกาย แต่เป็นที่ “ชีวิต”
ดังนั้น การจัดการบริหารชีวิตในโลกนี้ จึงเป็นบททดสอบว่าเราจะสามารถบริหารสวรรค์ร่วมกับพระเจ้าได้หรือไม่?
จะปกครองสวรรค์ได้ ต้องพิสูจน์ด้วยการปกครองชีวิตของตนเอง
จะตามพระเจ้าและเป็นสาวกของพระองค์ ต้องควบคุมและเอาชนะตัวเอง
จะเอาชนะตัวเองได้ ต้องรู้จักตัวเอง ...
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 3 ม.ค. 10 “รอบเช้า” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

คำว่า “บริหารชีวิต” ครอบคลุมทั้งงาน เวลา และความสุขของชีวิต
เราต้องจัดสิ่งเหล่านี้อย่างสมดุล ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป
การบริหารชีวิตที่ถูกต้อง ไม่เพียงจัดชีวิตให้สมดุลเท่านั้น แต่ต้องทำชีวิตให้มีคุณค่าด้วย

1.1 ชีวิตที่มีค่า ไม่ได้หมายถึง ร่ำรวยเงินทองหรือเกียรติ
แต่หมายถึง การทำชีวิตของตนและผู้อื่นให้มีค่า ด้วยการเมตตา เอื้ออาทร สร้างสรรค์สังคม
เงินทองเราอาจจะมีไม่มาก เกียรติเราอาจจะไม่สูงส่ง แต่เราสามารถมีชีวิตที่มีคุณค่าได้
โดยการทำชีวิตของตนและคนอื่นให้มีค่า
หว่านความเมตตา หว่านความเอื้ออาทร หว่านคำพูดและชีวิตที่สร้างสรรค์
ทั้งหมดไม่จำเป็นต้องมีเงินก็ทำได้ ไม่มีเกียรติก็ทำได้
มีชีวิตที่เป็นพรต่อผู้อื่น ไม่ใช่เป็นภัย ... อยู่ที่ไหนให้เป็นประโยชน์ อยู่ที่ไหนให้คนอบอุ่น
นี่แหละ ชีวิตที่มีค่าอย่างแท้จริง

1.2 จะมีความสำเร็จและมีความสุขในชีวิต ต้องบริหารชีวิตเป็น
มนุษย์ทุกคนปรารถนาความสำเร็จและความสุข แต่จะเป็นได้ จะมีได้ ต้องทำทุกอย่างให้สมดุล
ต้องบริหารชีวิตเป็น เช่น เป็นคนเมตตา แต่ยังทันคน ไม่ซื่อ จนเซ่อ
เป็นคนประหยัด แต่ไม่ขี้เหนียว หรือขี้งก
เป็นคนที่ให้อิสระผู้อื่นในการทำงาน แต่ต้องมีการติดตามและประเมินผลงานด้วย
ทุกอย่างต้องสมดุล เหมาะสม ชีวิตจึงจะสุขและสำเร็จ

สาเหตุที่คริสเตียน ต้องเข้าคริสตจักร ก็เพื่อที่จะรับการสร้างชีวิตจากพระเจ้า
รับการสร้างชีวิตจากพระวจนะ รับการสร้างชีวิตจากผู้รับใช้พระเจ้า
เพื่อที่เราจะสามารถบริหารชีวิตได้ถูกต้องตามแนวทางของพระเจ้า
เป็นอะไร เป็นให้ดีที่สุด ทำอะไร ทำให้ดีที่สุด
และความสำเร็จที่แท้จริง ต้องประกอบด้วย 7 ส. คือ
(1) สำเร็จ
(2) สุข ... ถ้ามีเงินมากขึ้น บ้านใหญ่ขึ้น แต่เราทุกข์มากขึ้น (เมื่อไรจะถูกยึด เป็นต้น) แสดงว่า ไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง
(3) สงบ ... สำเร็จจริงต้องสงบ ไม่ใช่วุ่นวาย สับสน
(4) สะอาด ... ไม่ใช่ได้ทุกอย่างมาด้วยความสกปรก (มีน้อยอย่างชอบธรรม ดีกว่ามีมากอย่างอธรรม)
(5) สว่าง ... ไม่ใช่อยู่ในความมืด
(6) สร้างสรรค์ ... ไม่ใช่ทำลาย
(7) สาระ ... ไม่ใช่ตู้ทองเคลื่อนที่ ประกอบร่างกายด้วยของแพง แต่ชีวิตไม่เป็นประโยชน์กับใคร ... ไร้สาระที่สุด

1.3 ถ้าทุกวินาทีของชีวิตมีแต่งานและเงิน ไม่มีเวลาให้ความสุขกับตนเองและคนที่เรารัก
ต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย
คนที่บริหารชีวิตไม่เป็น จะหายใจเข้าออกเป็นเงิน ทุกวินาทีเป็นงาน
ในท้ายที่สุดแม้รวยแค่ไหน ก็ไม่มีความหมาย
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 3 ม.ค. 10 “รอบเช้า” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เพราะจะปราศจากคนที่รัก ปราศจากเพื่อนแท้ ครอบครัวร้าวฉาน พี่น้องแตกแยก
มีแต่เพื่อนกิน ไม่มีเพื่อนตาย เพราะเขาไม่ได้ใช้ชีวิตกับคน แต่หมดไปกับวัตถุ
ดังนั้น การบริหารชีวิตจึงสำคัญมาก เพราะกำหนดความสุขและความทุกข์ของชีวิต

1.4 คำพูดที่ว่า “ได้มาง่าย แต่รักษายาก” ยังคงเป็นจริง
ที่จริงไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายหรอก เพียงแต่การรักษาสิ่งที่ได้มานั้น มันยากยิ่งกว่า
แต่ถ้าเราบริหารชีวิตและสร้างชีวิตให้เป็นขุมทรัพย์เคลื่อนที่ ให้เป็นคนที่เข้าใจชีวิต
มีอะไรก็จะเป็นพร มีอะไรก็จะอยู่ได้นาน
ทางพระเจ้านั้น แม้จะมีไม่มาก แต่ก็มีไม่ขาด และมีจะเหลือมากขึ้น
เพราะ “มีมาก” แต่ “ใช้น้อย” มีเงินเหลือไปทำประโยชน์
เมื่อชีวิตเรามีค่า ทุกอย่างที่เราทำจะมีคุณค่าด้วย
ทุกคนที่พบจะมีค่า ทุกงานที่ทำจะมีค่า ทุกเวลาที่ผ่านไปมีค่าทั้งนั้น
ดังนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะรักษาความสำเร็จและความสุขที่เรามี ให้อยู่นานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

2. ข้อคิดจากคุณวิกรม กรมดิษฐ์
ขออนุญาตนำข้อคิดดีๆ ในการบริหารชีวิต โดยคุณวิกรม กรมดิษฐ์ มาแบ่งปัน
เผื่อเราจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของตนเอง
คุณวิกรม เป็นหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการบริหารชีวิต
ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร

แนวคิดของเขามี ดังนี้
2.1 “ผมเป็นคนคิดเส้นตรง ไม่ซับซ้อน ไม่มองแบบโค้งไปมา มันเสียเวลา
ตอนนี้อายุ 54 แล้ว (ค.ศ.2009) ไม่หลงตัวเองว่ายังแจ๋ว หรือยังหนุ่ม
ถ้าเรานั่งหน้าโลงศพของพรรคพวกทุกวัน จะรู้ว่าเวลาเราเหลือน้อยเต็มที”... คำพูดของคุณวิกรม
ที่จริงชีวิตคนเรากำลังนับถอยหลังอยู่ทุกวัน
แต่เราไม่ควรอยู่อย่างซังกะตาย ยิ่งเป็นคริสเตียนแล้ว ยิ่งต้องอยู่อย่างมีชีวิตชีวา

2.2 “เวลาที่เหลืออยู่หากใช้มันไม่ถูก ไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ มันก็น่าเสียดาย
ดังนั้น ผมมองอะไร ทำอะไร คิดอะไร จะพยายามดึงให้เป็นเส้นตรงที่สุด”... คำพูดของคุณวิกรม

คนชอบไม่ชอบตรงๆ แต่ชอบแบบอ้อมๆ กว่าจะเข้าเรื่อง เสียเวลา เสียพลังงาน เสียความรู้สึก
ที่จริงหิวแทบตาย มีคนถามว่าหิวไหม? กลับตอบว่า “ไม่หิว” เพราะไม่กล้าพูดตรง
บางคนหน้าตาไม่ดี หน้าตาขี้เหร่ แต่มีคนชมว่าสวยว่าหล่อก็ดีใจ (ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง)
ตรงนี้เรายังต้องเรียนรู้และบริหารชีวิตกันต่อไป

2.3 “เมื่อรู้ว่าชีวิตต้องการอะไร ผมจะเริ่มสร้างโปรแกรมในสมอง
กำหนดความนึกคิดในอดีต ฝันถึงอนาคต เพื่อให้ดักแด้ตัวนี้ฟักตัวแล้วโผบินไปสู่โลกกว้างในแบบที่เราอยากเป็น”
... คำพูดของคุณวิกรม
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 3 ม.ค. 10 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

แนวคิดนี้ของเขาดีกว่า เราควรที่จะเลียนแบบ
อย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวเสมอว่า อยากประสบความสำเร็จ ต้องเรียนจากผู้ที่สำเร็จ

3. ชีวิต คือ อะไร? อะไร คือ ความหมายของชีวิต? และจะบริหารชีวิตอย่างไร? ให้ลงตัวอย่างสวยงาม
ปรัชญาชีวิต กำหนดชีวิต ... เราเป็นอย่างที่เราคิด
ปรัชญาชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับผู้เชื่อ คือ รม.14:17 ที่ว่า “เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์”
เปลี่ยนคำว่า “แผ่นดินของพระเจ้า” เป็นคำว่า “แก่นสารของชีวิต”
แก่นสารชีวิตนั้น ไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
เราจะสามารถบริหารชีวิตให้ลงตัวอย่างสวยงามได้ ก็ต่อเมื่อเราเข้าถึงแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต
เราทุกคนต้องกิน ต้องดื่ม (เรื่องวัตถุ) แต่เราไม่ได้อยู่เพื่อสิ่งเหล่านั้น วัตถุ ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตของเรา

มหาตมะ คานธี เคยกล่าวว่า “โลกใบนี้มีอาหารสำหรับทุกคน แต่ไม่พอสำหรับคนโลภบางคน
และเพราะอาหารไปอยู่กับคนโลภบางคน ทำให้คนทั้งโลกอดอยาก”
ที่จริงคนเราเกิดมาตัวเปล่า และต้องจากไปตัวเปล่า
แก่นสารชีวิตของเรา คือ สันติสุข ... สุขใดเล่า จะเท่าสันติ
วันนี้ถ้าเรามีกิน และกินได้ ก็ขอให้ขอบพระคุณพระเจ้า
หลายคนมีกิน แต่กินไม่ได้ หลายคนมีเตียงราคาแพง แต่นอนไม่หลับ
เพราะเขาไม่เข้าถึงแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต

3.1 การบริหารงาน ต้องใช้ความคิด ความรู้และหัวสมอง
แต่การบริหารชีวิต ต้องใช้เวลา และใช้หัวใจ
เครื่องมือในการบริหารงาน ไม่สามารถนำมาบริหารชีวิตคนได้
ใครก็ตามที่นำเอาเครื่องมือในการบริหารงาน มาบริหารครอบครัวและชีวิต เป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์
เช่น เป็นผู้ว่าฯ กลับบ้านจะเอาระบบราชการไปบริหารภรรยาและลูกไม่ได้
บ่อยครั้งกฎ กติกาที่เคร่งครัดเกินไปก็ใช้ในบ้านไม่ได้
เช่น ลูกทำผิด พ่อแม่โกรธพูดว่าจะไล่ออกจากบ้าน แต่ถึงเวลาหายโกรธก็ไม่ได้ไล่ออก
ถ้าตรงตัว จะหมายถึงพ่อแม่ไม่รักษาคำพูดได้หรือ?
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เห็นว่าการบริหารงานกับการบริหารชีวิตต้องใช้เครื่องมือแตกต่างกัน
หลายคนไม่ประสบความสำเร็จชีวิต เพราะเอาเครื่องมือบริหารงานมาบริหารคน
บริหาร “งาน” ต้องใช้หัวสมอง แต่บริหาร “คน” ต้องใช้หัวใจ

3.2 เมื่อใดเราใช้เหตุผล (หัวสมอง) มาวิเคราะห์โจทย์ของชีวิต (หัวใจ) เมื่อนั้นปัญหาจะยิ่งมากขึ้น
ยิ่งแก้ ยิ่งติด แต่ถ้าเราลดการให้เหตุผล มาใช้หัวใจ ใช้ความรักแก้ปัญหา
เราจะพบว่าปัญหาต่างๆ แก้ไขได้ง่ายขึ้น
เช่น เรายิ้มให้บางคน แต่เขาไม่ยิ้มตอบ ... ถ้าคิดโดยเหตุผล เขาน่าจะเป็นคนไม่มารยาท
แต่ถ้าลองใช้หัวใจตรวจสอบดู ช่วงเวลาที่เขายิ้มไม่ออก อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขามีปัญหาหนักมากก็เป็นได้
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 3 ม.ค. 10 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เราเป็นคนของพระเจ้า ต้องใช้แนวทางของพระเจ้าในการแก้ปัญหา
อฟ.4:31-32 จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดเสียดสี กับการคิดปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น
1ปต.4:8 ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก เพราะว่าความรักลบล้างความผิดมากมายได้
1คร.13:4-7 ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัวไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิดไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
พระวจนะของพระเจ้า นำมาอธิษฐาน นำมาใคร่ครวญ นานๆ เข้าจะเป็นไปได้
เพราะหัวใจของพระเจ้า จะมาสวมแทนหัวใจของเรา ... เราทำไม่ได้ แต่พระเจ้าที่อยู่ในเราทำได้
เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้า กฎของศาสนาต่างๆ จะสำเร็จได้มากขึ้นในชีวิตของเรา

3.3 การบริหารชีวิตสำคัญยิ่ง หากมีความสำเร็จ มีเงินมากขึ้น แต่ไม่มีความสุขจะมีค่าอะไร
ลก.9:24-25 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร
มีเงินมาก มีความสำเร็จมาก มีเกียรติมาก แต่ไม่มีความสุข ชีวิตของเราก็ไม่มีค่าอะไร

3.4 เคล็ดลับในการบริหารชีวิต
เราต้องยอมเสียชีวิตก่อน เราจึงจะได้ชีวิต ... คำสอนของพระเจ้าสามารถมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของเราได้
ก. ให้แล้วจะได้รับ
หลักการบริหารชีวิต คือ ต้องให้ก่อน แล้วเราจึงจะได้รับ
แต่การให้ของเรา ต้องอย่าให้แบบหวังผล หรือให้เพราะหาชื่อ หาเสียง หาเกียรติ
จำไว้เลยว่า เราทุกคนมีดีที่จะให้ผู้อื่นเสมอ เช่น กำลังใจ รอยยิ้ม ฯลฯ
คนเราไม่ได้ต้องการแค่อิ่มท้องเท่านั้น แต่ต้องการอิ่มใจด้วย

ข. แพ้แล้วจะชนะ
ในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามีและภรรยา ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอม (แพ้) แล้วครอบครัวจะชนะ
ต้องให้กันไปให้กันมา ถ้าฝ่ายหนึ่งให้การปกป้องได้ อีกฝ่ายหนึ่งจะยอมให้ปกครอง
เรายอมกันได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความอธรรมหรือความชั่ว เรื่องอย่างนี้ยอมไม่ได้

ค. ยิ่งยึดติด ยิ่งสูญเสีย ยิ่งปล่อยวาง ยิ่งได้มา
ในโลกนี้ไม่มีอะไรถาวร ทุกอย่างเป็นเรื่องอนิจจังเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าเรายิ่งยึดติด เราจะยิ่งสูญเสีย แต่เมื่อใดที่เราสามารถปล่อยวางได้
เราจะรู้ในทันทีว่าเราได้มากกว่าที่เรายึดติดมันไว้เสียอีก
อย่าลืมว่าคนของพระเจ้า จะต้องบริหารจัดการชีวิตนี้ให้ได้
เพราะในวันข้างหน้าเราต้องบริหารและปกครองสวรรค์ร่วมกันกับพระเจ้า
1คร.6:3 ท่านไม่รู้หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์ ถ้าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสมควรสักเท่าใด ที่เราจะพิพากษาตัดสินความเรื่องของชีวิตนี้

No comments:

Post a Comment