Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ ธัมมะที่บริสุทธิ์ ตอน สงบปากคำ ” จาก “ ยก.1:26-27 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ ธัมมะที่บริสุทธิ์ ตอน สงบปากคำ ” จาก “ ยก.1:26-27 ”

ยก.1:26-27 ถ้าผู้ใดเข้าใจว่าตัวเป็นคนมีธัมมะและมิได้สงบปากคำ แต่หลอกลวงตัวเอง ธัมมะของผู้นั้นก็ไม่มีประโยชน์ ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
มนุษย์ทุกคนต้องการความสุข ความสงบ และสันติ เราจะไปสู่ทางนั้นได้ต้องเริ่มต้นที่เป็นคนมีธัมมะ และไม่ใช่ธัมมะธรรมดา แต่เป็นธัมมะที่บริสุทธิ์
พระวจนะในตอนนี้ เป็นธัมมะที่บริสุทธิ์ ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้า ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการด้วยกัน คือ
1) ต้องสงบปากคำ
2) ต้องมีความเมตตา : เยี่ยมเยียนเด็กกำพร้า และหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน
3) รักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
แต่ละองค์ประกอบเป็นคำที่สั้นมาก แต่ในขณะเดียวกันกลับมีความหมายอย่างลึกซึ้ง สำหรับหนังสือในตอนนี้นั้น จะเน้นเฉพาะข้อแรก คือ สงบปากคำ เท่านั้น

ชีวิตของทุกคน ต้องเลือกระหว่าง “สงคราม” หรือ “ความสงบ”
ที่ใดมีความสงบ ที่นั่นก็มีความสุข ดังคำที่กล่าวว่า สุขใดเล่า จะเท่าความสงบ
แต่ที่ใดที่มีสงคราม ที่นั่นก็มีบาดแผล มีความเจ็บปวด และมีความตาย

สิ่งที่จะสามารถกำหนด สงคราม หรือ ความสงบ ได้ คือ การควบคุมวาจา
พระเจ้าจึงสอนว่า ธัมมะที่บริสุทธิ์ ประการแรก คือ การสงบปากคำ
วาจาควบคุมยากที่สุด ทั้งคนที่เป็นคริสเตียนและไม่ใช่คริสเตียน แต่คนที่เป็นคริสเตียนจะสร้างความเสียหายด้านวาจาได้มากกว่า เพราะเป็นการเสียเกียรติไปถึงพระเจ้าด้วย อย่าลืมว่า พระเจ้าให้เราเป็นแสงสว่างของโลก
แสงสว่างนั้น ต้องส่องสว่างท่ามกลางความมืด ไม่ใช่เจอความมืด แล้วมืดตาม

คนอ่อนแอ คนขี้นินทา คนปากมาก เมื่อเชื่อพระเจ้า ก็ลากเอาความอ่อนแอ การติฉินนินทา และความปากมาก เข้ามาในคริสตจักรด้วย ดังนั้น คนที่ทำงานรับใช้พระเจ้า หรือทำงานในคริสตจักร วุฒิภาวะต้องเข็มแข็งมาก จึงจะสงบได้
เจอคนบ้า ก็ไม่จำเป็นต้องบ้าเหมือนเขา และไม่ได้เหมาว่าคนทั้งหมดบ้าไปด้วย
ความอ่อนแอด้านวุฒิภาวะ จะทำให้เรานำปัญหาของคนอื่น มาเป็นปัญหาของตนเอง
แต่เมื่อวุฒิภาวะแข็ง เราจะไม่วุ่นวาย หรือว้าวุ่นกับคนบ้า หรือคนที่ควบคุมวาจาไม่ได้ หรือคนที่สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นทางวาจา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนต้องรับผลและรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

1. ธัมมะที่บริสุทธิ์ คือ สงบปากคำ
ธัมมะที่บริสุทธิ์ต่อหน้าพระเจ้า คือ การสงบปากคำ หรือควบคุมวาจา
ใครบอกว่าเป็นคนของพระเจ้า เป็นคนบริสุทธิ์ แต่ยังควบคุมวาจาไม่ได้
ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นทางวาจา
ผู้นั้นไม่ใช่คนของพระเจ้า ไม่ใช่บุตรพระเจ้า แต่เป็นลูกของมาร

คนของพระเจ้า ต้องมีความเมตตา
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

และใครก็ตามที่มีความเมตตา ผู้นั้นจะไม่สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม
คนนินทาว่าร้าย คือ คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม รักการทำร้าย และทำลายผู้อื่น
ชีวิตไม่มีวันสงบสุข และไม่บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า

ดังนั้น อยากสุข อยากสงบ และมีสันติ ต้องรู้จักควบคุมวาจา
ควบคุมวาจาได้ คือ ควบคุมชีวิตได้
การควบคุมลิ้น จึงเป็นการบ้านที่เราต้องทำส่งพระเจ้าทุกวัน
ยก.3:2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆอย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย
1คร.6:2-3 ท่านไม่รู้หรือว่าธรรมิกชนจะพิพากษาโลก และถ้าพวกท่านจะพิพากษาโลก ท่านไม่มีสมรรถภาพจะพิพากษาตัดสินเรื่องเล็กๆน้อยๆหรือ ท่านไม่รู้หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์ ถ้าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสมควรสักเท่าใด ที่เราจะพิพากษาตัดสินความเรื่องของชีวิตนี้

เราจะมีธัมมะที่บริสุทธิ์ได้ ต้องควบคุมลิ้น
1.1 เราต้องควบคุมลิ้น เพราะลิ้นติดไฟจากนรก ไฟที่ไร้คุณธรรม
ยก.3:6 และลิ้นนั้นก็เป็นไฟ ลิ้นเป็นโลกที่ไร้ธรรมในบรรดาอวัยวะของเรา เป็นเหตุให้ทั้งกายมลทินไปทำให้วัฏฏะแห่งชีวิตเผาไหม้ และมันเองก็ติดไฟโดยนรก
ถ้าเราไม่ควบคุมลิ้น ไฟจากนรกจะไหม้เรา และไหม้คนรอบข้างเราด้วย
เราจะรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ดูที่เขาพูดอย่างไร พูดร้าย แสดงว่า ใจร้าย
พูดร้าย ไม่เพียงทำร้ายผู้อื่น แต่ในที่สุดจะกลับมาทำร้ายคนพูดเองด้วย
คนปากมาก น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ แม้ฉลาดขนาดไหนก็ตาม อยู่ได้ไม่นาน

1.2 เราต้องควบคุมลิ้น เพราะลิ้นอยู่ไม่สุข เป็นสิ่งชั่วร้าย
ยก.3:8 แต่ลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วที่อยู่ไม่สุขและเต็มไปด้วยพิษร้ายถึงตาย
ลิ้นนั้น แม้มันอยู่ในปากเรา เราก็ทำให้มันเชื่องไม่ได้
สัตว์เลี้ยง เราฝึกให้มันเชื่องได้ แต่ลิ้นฝึกอย่างไรมันก็ไม่เชื่อง
เหตุที่สุนัข น่ารัก เพราะมันกระดิกหาง แสดงความเป็นมิตร
แต่การกระดิกล้วน ส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างมิตร ตรงกันข้าม มักสร้างศัตรู ถ้าเราไม่รู้จักควบคุม ชีวิตเราก็แย่

1.3 ถ้าเราควบคุมลิ้นไม่ได้ ไม่สงบปากคำ ชีวิตมีแต่สงคราม
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า เราต้องเลือกระหว่างสงคราม กับความสงบ
ถ้าเราไม่ควบคุมลิ้น ก็เท่ากับว่าเราเลือกนำสงครามเข้าสู่ชีวิต
พูดไม่ดีต่อผู้อื่น เสียเครดิตตัวเอง ขาดความน่าเชื่อถือ สร้างความเสียหายจากการถูกฟ้องร้อง
ชีวิตวุ่นวาย และเต็มด้วยความตาย คือ ปัญญาตาย ความเจริญตาย ความสุขตาย ความน่ารักตาย
ทั้งหมดตาย ก็เพราะปากของตัวเราเอง ดังนั้น เราต้องควบคุมมันให้ได้

2. เราต้องสงบปากคำ เพราะทุกคนต้องรับผิดชอบต่อทุกคำพูดของตน
มธ.12:36 ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้นใน
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

วันพิพากษา

“คำพูดของคน” เป็นเรื่องใหญ่มาก อย่าคิดว่าพูดจบไปแล้วก็จบกัน
แม้ผู้เสียหายยกโทษ แม้พระเจ้ายกโทษ แต่มันเป็นกฎของสวรรค์ พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว
ทุกคำพูดที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ... เราต้องรับผิดชอบตั้งแต่วันที่เราพูด จนถึงนิรันดร์กาล

“คำที่ไม่เป็นสาระ” หมายถึง คำที่ไม่จริง คำที่ไม่กรอง
ได้ยินปุ๊บ พูดต่อปั๊บ คำนินทา คำเขาเล่าว่า (เขาที่ว่า ก็คือ เรานั่นแหละ) เล่าต่อด้วย
ข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือจอทีวี ก็เชื่อไม่ได้เสมอไป

การยิงคนตาย การแทงคนตาย ทำได้ครั้งละศพ
แต่คำพูดคน คำเดียวทำร้ายคนได้หลายศพ เผลอๆ ทำร้ายคนได้ทั้งประเทศ
กว่าจะสำนึกได้ บางทีคนที่ถูกกล่าวร้ายตายกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
จะมีประโยชน์อะไรที่สร้างอนุสรณ์ความดีให้คนที่ตายไปแล้ว ด้วยก้อนหินที่เคยขว้างเขา
ธัมมะข้อนี้ คนไทย และคนส่วนใหญ่อ่อนแอมาก
และเป็นข้อที่เราทุกคน ต้องให้การกับพระเจ้าในวันพิพากษา

วว.22:14-15 คนทั้งหลายที่ชำระเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข เพื่อว่าเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเพื่อเขาจะได้เข้าไปในนครนั้นโดยทางประตู ภายนอกนั้นมีสุนัข คนใช้เวทมนตร์ คนล่วงประเวณี คนฆ่ามนุษย์ คนไหว้รูปเคารพ ทุกคนที่รักการมุสาและประพฤติตาม
พวกที่อยู่ภายนอกสวรรค์ เข้าประตูสวรรค์ไม่ได้ คือ พวกสุนัข ฯลฯ
หมายถึง คนที่ลอบกัด คนที่มีจิตใจสกปรก คนที่รักการมุสา
การมุสา ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง พ่อแม่ที่ชอบหลอกลูกว่าระวังตุ๊กแกกัด หรือให้กลัวตำรวจจับ
แต่หมายถึง คำพูดที่ฆ่าคน ทำลายอนาคตของคน ... สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นการฆาตรกรรมในสายพระเนตรพระเจ้า

หลายคนบอกคนอื่นร้าย ตัวเองดี แต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
หลอกใคร ก็หลอกได้ แต่ไม่มีใครหลอกพระเจ้าได้
ดังนั้น เห็นพระเจ้าอวยพรใคร อย่าไปต่อต้านเขา เพราะเป็นการต่อต้านพระเจ้า เราต้องระวัง

2.1 มนุษย์ จะพ้นโทษหรือถูกปรับโทษอยู่ที่วาจา
มธ.12:37 เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้ หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น ก็เพราะวาจาของเจ้า
มนุษย์จะ “พ้นโทษ” หรือ “ถูกปรับโทษ” ก็ขึ้นกับวาจา หรือคำพูดของเขาเอง
มธ.12:35 คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา
คำพูดของเราเป็นอย่างไร ก็กำหนดชีวิตของเราให้เป็นอย่างนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ลิ้น
คนดีเอาของดีมาจากคลังแห่งความดีของเขา คนชั่วก็เช่นกัน
อยากรู้ว่าใครเป็นคนอย่างไร ให้ดูที่เขาพูดอย่างไร

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

สภษ.18:21 ความตายความเป็น อยู่ที่อำนาจของลิ้น และบรรดาผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน
ลิ้นของเรา สร้างศัตรู หรือเพิ่มมิตร
ลิ้นของเรา สร้างความสงบ หรือสร้างสงคราม เราเองเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบ

เราต้องมีจุดยืนของตัวเอง ฟังทุกเสียง แต่ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกเสียง
เสียงใด คำใดที่มาถึงเรา เป็นความจริง เราก็นำมาปรับปรุงชีวิต
แต่เสียงใดที่ไม่จริง ปิดประตู ไม่ต้องสนใจ

2.2 หลายคนตายและถูกคำสาป เพราะปากของตน
พระคัมภีร์บันทึกเรื่องราวของคนที่ตายและถูกคำสาปเพราะคำพูด เพราะปากของตน
ดังนั้น เราต้องระมัดระวังคำพูด เพราะนั่น คือ การระมัดระวังชีวิต
หลักการเมื่อเจอคนพูดเรื่องร้ายๆ ให้นิ่ง เมื่อเรานิ่ง อีกฝ่ายจะไม่กล้าพูดต่อ
และไม่เพียงนิ่งเท่านั้น เราต้องไม่พูดต่อในเรื่องร้ายๆ นั้นด้วย
มิเช่นนั้น การร้ายก็จะตกอยู่กับเราเอง

ระวังให้ดี ถ้าเรากล้านินทาคนเล็กน้อย โดยไม่หยุด เราก็จะนินทาได้แม้กระทั่งผู้นำ ผู้รับใช้พระเจ้า
เหมือนคนลักเล็กขโมยน้อย ไม่หยุด ก็สามารถพัฒนาเป็นการขโมยของใหญ่ได้
เราจะรับภัยพิบัติจากพระเจ้า เพราะพระองค์เตือนแล้วว่า อย่าแตะต้องผู้ที่พระเจ้าเจิมไว้ (สดด.105:15)

ตัวอย่าง
อาโรนและมิเรียม จาก กดว.12:1-15
ทั้งสองพูดติโมเสส เดือดร้อนถึงพระเจ้าต้องมาลงโทษให้เป็นโรคเรื้อน
กดว.12:1 มิเรียม และอาโรน ได้พูดติโมเสส...
กดว.12:4 ทันใดนั้น พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนกับมิเรียมว่า เจ้าทั้งสามจงออกมาที่เต็นท์นัดพบ
กดว.12:8 ... ไฉนเจ้าไม่กลัวที่จะพูดติโมเสสผู้ รับใช้ของเรา"
กดว.12:9-10 พระเจ้าทรงกริ้วเขามาก แล้วเสด็จไปเสีย เมื่อเมฆลอยพ้นเต็นท์ไป ดูเถิด มิเรียมก็เป็นโรคเรื้อนขาวดุจหิมะ อาโรนหันไปดูมิเรียม และดูเถิดนางเป็นโรค เรื้อน

ฮาม บุตรโนอาห์ จาก ปฐก.9:20-26
โนอาห์ ดื่มเหล้าองุ่นเมา ก็นอนเปลือยกาย
ฮาม เห็นบิดาเปลือย จึงไปบอกพี่น้องทั้งสองที่อยู่ภายนอก (การไปบอกนี่แหละทำให้เขารับภัย)
แต่เชมกับยาเฟท เข้ามาเอาผ้าไปปกปิดกายบิดา โดยไม่ได้หันหน้าดูกายที่เปลือยของบิดา
ฮาม ดูและบอกต่อ ในขณะที่อีกสองคนเคารพ
เมื่อโนอาห์ สร่างเมาและรู้การกระทำของบุตรทั้งสาม จึงกล่าวอวยพรเชมและยาเฟท และแช่งสาปฮาม
สิ่งที่โนอาห์ กล่าว กลายเป็นชะตาชีวิตของลูกๆ ทั้งสาม ถึงปัจจุบัน

คำพูดของเราสามารถ “นำพร” และ “นำภัย” ได้
ดังนั้น ถ้าเราอยากรับพระพร ก็ต้องพูดในสิ่งที่เป็นพร
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

3. ไม่มีใครรอดพ้นจากการใส่ร้ายของลิ้น
เกิดเป็นคน ไม่พ้นถูกนินทา เพราะเราอยู่ในโลกแห่งความบาป และเต็มไปด้วยคนบาป
แม้พระเจ้า และคนของพระองค์ก็ไม่พ้นการใส่ร้ายของลิ้น

3.1 พระเยซูก็ทรงเจอมาแล้ว กับปากที่อยู่ไม่สุข ชอบพูดทางร้าย
มธ.28:12-15 เมื่อพวกมหาปุโรหิตประชุมปรึกษากันกับพวกผู้ใหญ่แล้ว ก็แจกเงินเป็นอันมากให้แก่พวกทหารสั่งว่า "พวกเจ้าจงพูดว่า "พวกสาวกของเขามาลักเอาศพไปในเวลากลางคืน เมื่อเรานอนหลับอยู่"ถ้าความนี้ทราบถึงหูเจ้าเมือง เราจะพูดแก้ไข
ให้พวกเจ้าพ้นโทษ"ครั้นพวกทหารได้รับเงินแล้วจึงทำตามคำแนะนำ และความนี้ก็เลื่องลือไปในบรรดาพวกยิวจนทุกวันนี้
ผู้ใหญ่ในศาสนาขณะนั้น สร้างพยานเท็จใส่ร้ายพระเยซู
คำโกหก การสร้างเรื่อง พูดบ่อยๆ คนโง่ ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง
และเรื่องราวของพระเยซูที่ถูกใส่ร้าย ก็ยังเลื่องลือจนถึงทุกวันนี้

ตั้งแต่อดีต จนปัจจุบัน มีหนังสือ และภาพยนตร์หลายเรื่องโจมตี และไม่เชื่อในความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์
แต่ผู้เชื่อทุกคนรู้ดี และมีประสบการณ์ในการทรงพระชนม์อยู่ของพระองค์
สิ่งที่เราต้องตระหนัก และต้องหนักแน่น คือ คำพูดมุสา ไม่สามารถทำให้ความจริงเสียหายไปได้
ความจริง ทนต่อความเท็จได้เสมอ
ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟ และ มือที่ไม่มีแผล ย่อมไม่กลัวยาพิษ
พระเยซูไม่สนใจกับเรื่องเล่าลือ แต่ปล่อยให้ผลงาน และเวลาพิสูจน์ความจริง

3.2 เปาโล ก็เจอมาแล้ว
เปาโล ก็เจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ กับคำพูดใส่ร้ายของคน
1คร.4:9-13 เพราะข้าพเจ้าเห็นว่า พระเจ้าได้ทรงตั้งเราผู้เป็นอัครทูตไว้ในที่สุด เหมือนผู้ที่ได้ถูกปรับโทษให้ถึงตาย เพราะว่าจักรวาลคือทั้งทูตสวรรค์และมนุษย์ มองดูเราด้วยความพิศวงเราทั้งหลายเป็นคนเขลาเพราะเห็นแก่พระคริสต์ และท่านทั้งหลายเป็นคนมีปัญญาในพระคริสต์ เราทั้งหลายมีกำลังน้อย แต่ท่านทั้งหลายมีกำลังมาก ท่านทั้งหลายมีเกียรติยศ แต่เราทั้งหลายเป็นคนอัปยศจนขณะนี้เราก็ยังหิว กระหาย ขาดเครื่องนุ่งห่ม ถูกโบยตี และไม่มีบ้านอยู่เราทำการหนักด้วยมือของเราเอง เมื่อถูกด่าเราก็อวยพร เมื่อถูกเคี่ยวเข็ญเราก็ทนเอาเมื่อถูกใส่ร้ายเราก็พยายามปรองดอง เรากลายเป็นเหมือนหยากเยื่อของโลก และเหมือนราคีของสิ่งสารพัดจนถึงบัดนี้
2คร.6:8-9 ทั้งเวลามียศและเวลาอัปยศ ทั้งเวลาลือกันว่าชั่วและเวลาลือกันว่าดี ถูกเขาหาว่าเป็นคนที่ล่อลวงเขาให้หลง แต่ยังเป็นคนสัตย์ซื่อถูกเขาหาว่าเป็นคนไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นคนที่เขาทั้งหลายรู้จักดี เป็นคนตาย แต่ดูเถิดเรายังเป็นอยู่ เป็นคนถูกเฆี่ยนแต่ยังไม่ตาย
ในเรื่องนี้สอนเราว่า ยิ่งพระเจ้าจะใช้ผู้ใดมาก ผู้นั้นก็จะยิ่งถูกขัดขวางจากมารมากเช่นกัน
และหนึ่งในการขัดขวางที่ได้ผลและใช้บ่อยที่สุด คือ การถูกใส่ร้ายของลิ้นนั่นเอง

แต่เปาโล มีท่าทีตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างถูกต้อง ตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ ดังนี้
2คร.2:6-7 โดยความบริสุทธิ์ โดยความรู้ โดยการไม่โกรธเร็ว โดยใจกรุณา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยความรักแท้โดยถ้อยคำสัตย์จริง โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า ใช้เครื่องอาวุธแห่งความชอบธรรมด้วยมือขวาและมือซ้าย

3.3 ศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล ผู้รับใช้ทั่วโลกก็ต้องเจอ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า ไม่มีมนุษย์คนใดรอดพ้นจากการใส่ร้ายของลิ้น
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับใช้พระเจ้า ยิ่งงานใหญ่ ก็ยิ่งต้องเจอศึกใหญ่
แต่อย่าลืมว่า เราต้องตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างถูกต้อง บนพื้นฐานพระวจนะพระเจ้า
การตอบโต้ ก็เป็นเหมือนการแก้ตัว
ทางที่ดีควรให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าเราถูกต้อง พระเจ้าจะเป็นผู้รับรองเราเอง
ผู้รับใช้คนใด ทำผิด เขาต้องรับผิดชอบหนักมาก ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า
มาตรฐานของพระเจ้าสูง ถ้าผู้รับใช้ทำผิด พระเจ้าก็จะไม่ใช้เขาในงานของพระองค์ ไม่มีการเกิดผล ไม่มีผลงานรับรอง
แต่ถ้าเขาทำถูก คนที่ใส่ร้ายนั่นแหละจะรับโทษหนักจากพระเจ้า

ยน.9:31-33 พวกเรารู้ว่าพระเจ้ามิได้ฟังคนบาป แต่ถ้าผู้ใดยำเกรงพระเจ้า และกระทำตามพระทัยพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟังผู้นั้น ตั้งแต่เริ่มมีโลกมาแล้ว ไม่เคยมีใครได้ยินว่า มีผู้ใดทำให้ตาของคนที่บอดแต่กำเนิดมองเห็นได้ถ้าท่านผู้นั้นไม่ได้มาจากพระเจ้าแล้วก็คงไม่สามารถทำได้"
พระเยซู ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นคนบาป
แต่แปลกหรือไม่? คนที่เขาหาว่าบาป สามารถรักษาคนตาบอดแต่กำเนิดได้
ดังนั้น ตราบใดที่เราทำสิ่งที่ถูกต้อง ตราบนั้นพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา

4. ท่าทีต่อลิ้นที่ไม่สงบ คือ นิ่ง สงบ ฝากไว้กับพระเจ้า
สถาบันพระมหากษัตริย์ สะท้อนสถาบันพระเจ้า
เมื่อกษัตริย์แต่งตั้งตัวแทน เราต้องให้ความเคารพ เหมือนเคารพกษัตริย์
ผู้รับใช้พระเจ้า ก็เช่นกัน เป็นตัวแทนที่พระเจ้าแต่งตั้ง เราต้องให้เกียรติ
สงครามของมาร มันก็ใช้คนใกล้ตัว ใช้คนในคริสตจักรด้วยกันเองนี่แหละ
ใส่ร้ายป้ายสี ติฉินนินทา ทำให้ผู้รับใช้อ่อนแรง อ่อนกำลัง และท้อแท้ใจ
การกระทำเช่นนั้น ไม่เพียงขัดขวางงานพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มภัยให้กับตัวผู้พูดเองด้วย

สุภาษิตกล่าวว่า คนพูดนินทา พูดไม่ดี ก็ป่าวร้องความโง่ของตัวเอง
และคนหลอกลวง อยู่ในใจของผู้คิดร้าย คือ คนประเภทเดียวกัน จึงจะอยู่กันได้ (อ่าน สภษ.12:17-23)

เราจะนิ่งสงบ และฝากไว้กับพระเจ้าได้ ต้องยึดพระวจนะ ดังนี้
รม.12:20-21 อย่าแก้แค้นเลย ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขาอย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
มธ.10:12-14 ขณะเมื่อขึ้นเรือน จงให้พรแก่ครัวเรือนนั้นถ้าครัวเรือนนั้นสมควรรับพร ก็ให้สันติสุขของท่านอยู่กับเรือนนั้น แต่ถ้าครัวเรือนนั้นไม่สมควรรับพร ก็ให้สันติสุขนั้นกลับคืนมาสู่ท่านอีกถ้าผู้ใดไม่ต้อนรับท่านทั้งหลายและไม่ฟังคำของท่าน เมื่อจะออกจากเรือนนั้นเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีที่ติดเท้าของท่านออกเสีย เพื่อแสดงว่าท่านไม่รับผิดชอบต่อไป
ลก.20:18 ผู้ใดล้มทับศิลานั้น ผู้นั้นจะต้องแตกหักไป แต่ศิลานั้นจะตกทับผู้ใดผู้นั้นจะแหลกละเอียดไป"
กจ.5:38-39 ในกรณีนี้ข้าพเจ้าจึงว่าแก่ท่านทั้งหลายว่า จงปล่อยคนเหล่านี้ไปตามเรื่อง อย่าทำอะไรแก่เขาเลย เพราะว่าถ้าความคิดหรือกิจการนี้ มาจากมนุษย์ก็จะล้มละลายไปเองแต่ถ้ามาจากพระเจ้า ท่านทั้งหลายจะทำลายเสียก็ไม่ได้ เกลือกว่าท่านกลับจะเป็นผู้สู้รบกับพระเจ้า"

คุณเสนาะ เทียนทอง เคยกล่าวว่า “คนจะเป็นใหญ่ได้ ต้องทำตัวเป็นภูผา เป็นภูเขา”
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -7- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

กล่าวคือ ภูเขา และภูผาที่ยิ่งใหญ่นั้น บ่อยครั้งมีซากสัตว์ มูลสัตว์ สร้างความเหม็นเน่าสารพัด
แต่กาลเวลาผ่านไป สัตว์ตายหมด ... ภูเขายังคงอยู่
สิ่งที่เราต้องทำเมื่อเจอการใส่ร้ายของลิ้น คือ ยืนหยัดทำความดีต่อไป

5. หนทางสู่การสงบปากคำหรือควบคุมลิ้น
ในข้อ 4 บอกถึงท่าทีของเราต่อการเผชิญกับการใส่ร้ายของลิ้น
เป็นสิ่งที่ผู้อื่นกระทำต่อเรา ซึ่งเราไม่อาจจะควบคุมเขาได้
แต่การกระทำของเราต่อผู้อื่นนั้น เราสามารถที่จะควบคุมได้
และพระเจ้ามีแนวทางในการสอนให้เราสงบปากคำ หรือควบคุมลิ้น ดังนี้

5.1 อย่าให้คำสกปรก คำหยาบคาย ออกจากปากของเรา
อฟ.4:29 อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย แต่จงกล่าวคำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง
1ปต.4:11 ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะพูด ก็ให้กล่าวเหมือนหนึ่งกล่าวพระภาษิตของพระเจ้า ถ้าคนใดกระทำบริการ ก็จงให้บริการตามกำลังซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทาน เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้เกียรติในการทั้งปวง โดยทางพระเยซูคริสต์ พระสิริและไอศวรรยานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน
คำหยาบคาย คำสกปรก เป็นเรื่องของคนชั้นต่ำ แต่เราเป็นลูกพระเจ้า ลูกกษัตริย์เหนือกษัตริย์
ดังนั้น ท่าที กิริยา คำพูดและการกระทำของเราต้องไม่ทำให้พระเจ้าเสียเกียรติ
อย่าให้คำสกปรก คำหยาบคายออกจากปากของเรา
คำหยาบ คือ คำที่ไม่ละเอียด ไม่กลั่นกรอง คำที่ทำร้าย และทำลายผู้อื่น

5.2 ยิ่งถูกใส่ร้าย เพราะความเท็จ ยิ่งรับพระพร
มธ.5:10-11 บุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาเมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข
ถ้าเราต้องถูกใส่ร้าย เพราะเรารับใช้พระเจ้า และเพราะเป็นความเท็จ
เราจะยิ่งรับพระพรจากพระเจ้า แต่คนพูด รับภัยพิบัติ
แต่กว่าที่ใครสักคนจะรับโทษจากพระเจ้านั้น ใช้เวลานาน เพราะพระเจ้าให้โอกาสมนุษย์เสมอ
ดูตัวอย่างจากพวกยิว ที่ฆ่าพระเยซูคริสต์ คำที่ว่าให้ความผิดด้วยเรื่องความตายของพระเยซู ตกอยู่แก่เขาและบุตรของเขา
(ตาม มธ.27:25) กว่ายิวจะรับผลนั้นใช้เวลาต่อมาอีกนาน แต่เราก็เห็นแล้วว่า ยิวถูกข่มเหงหนักแค่ไหนในช่วงที่ผ่านมา

5.3 อธิษฐานเผื่อผู้ข่มเหง
มธ.5:44 ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน
ถ้าอยากรับพระพร อย่าพูดสิ่งที่เป็นภัยแก่ผู้อื่น
อธิษฐานเผื่อผู้อื่น เป็นกุญแจที่ทำให้เราได้รับพระพร

5.4 อวยพรแก่ผู้แช่งด่า
รม.12:14 จงอวยพรแก่คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน จงให้พรอย่าแช่งด่าเลย
ไม่เพียงอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงเท่านั้น แต่พระเจ้ายังให้เราอวยพรแก่ผู้ที่แช่งด่าเราด้วย
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 09 “รอบเช้า” -8- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เราจะเห็นว่าทางของพระเจ้านั้น แตกต่างจากทางของโลก
แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการกระทำ ก็ให้ความแตกต่างที่คุ้มค่าเช่นกัน

5.5 ขอให้ปากเราสรรเสริญพระเจ้า ไม่ใช่นินทาแช่งด่าผู้อื่น
ยก.3:9 เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์
พระเจ้าสร้างปากให้เราสรรเสริญพระองค์ ไม่ได้สร้างปากให้เราทำร้ายหรือทำลายผู้อื่น
ดังนั้น เราจึงควรใช้ปากให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการสร้างของพระเจ้า อย่าให้พระเจ้าทรงเสียพระทัย

5.6 เลียนแบบพระเยซู นิ่ง ทำดีต่อไป ชัยชนะเป็นของเรา
ทางที่เราต้องเดินผ่านนั้น (ผ่านการใส่ร้ายของลิ้น การไม่สงบปากคำของคน) พระเยซูทรงเดินผ่านมาแล้ว
พระองค์ผ่านมาด้วยชัยชนะ ถ้าเราเดินตามพระองค์ เราก็จะรับชัยชนะเช่นกันกับพระองค์

สุดท้ายขอฝากไว้สำหรับผู้ที่ไม่สงบปากคำ และไม่มีธัมมะที่บริสุทธิ์ในชีวิต
คริสตจักร เป็นสถาบันของพระเจ้า พระเจ้าต้องรับพระเกียรติผ่านคริสตจักรของพระองค์
การพูดโกหก นินทา ว่าร้ายผู้อื่น เป็นการบูชาซาตาน ... พระเจ้าเสียพระทัย
เมื่อใดก็ตามที่คนของพระเจ้าพูดไม่ดี น้ำตาพระเจ้าไหล พระทัยพระเจ้าสลาย และคริสตจักรเสียเกียรติ

No comments:

Post a Comment