Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ องค์สัพพัญญู ” จาก “ ยน.21:20-24 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 10 “รอบบ่าย” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ องค์สัพพัญญู ” จาก “ ยน.21:20-24 ”

ยน.21:20-24 เปโตรเหลียวหลังเห็นสาวกคนที่พระองค์ทรงรักตามมา สาวกคนนั้นคือคนที่เอนตัวลงที่พระทรวงของพระองค์ เมื่อรับประทานอาหารอยู่นั้น และทูลถามว่า "พระองค์เจ้าข้า ผู้ที่จะอายัดพระองค์คือใคร" เมื่อเปโตรเห็นสาวกคนนั้น จึงทูลถามพระเยซูว่า "พระองค์เจ้าข้า คนนี้จะเป็นอย่างไร" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ถ้าเราอยากจะให้เขาอยู่จนเรามานั้น จะเป็นเรื่องอะไรของเจ้าเล่า เจ้าจงตามเรามาเถิด" เหตุฉะนั้นคำที่ว่า สาวกคนนั้นจะไม่ตายจึงลือไปท่ามกลางพวกพี่น้อง พระเยซูมิได้ตรัสแก่เขาว่าสาวกคนนั้นจะไม่ตายแต่ตรัสว่า "ถ้าเราอยากจะให้เขาอยู่จนเรามานั้น จะเป็นเรื่องอะไรของเจ้าเล่า" สาวกคนนี้แหละที่เป็นพยานถึงเหตุการณ์เหล่านี้ และเป็นผู้ที่บันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ และเราทราบว่าคำพยานของเขาเป็นความจริง
มนุษย์นั้น ไม่ว่าจะเก่ง หรือฉลาดแค่ไหน ก็มีความจำกัด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มนุษย์คนเดียวที่สมบูรณ์แบบในโลก คือ พระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์ ในพระองค์ไม่มีความจำกัด และพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ เล็งเห็นถึงความสัพพัญญูขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เปโตร อยากรู้อนาคตของยอห์น (สาวกคนที่พระองค์ทรงรัก และคนที่เอนตัวลงที่พระทรวง คือ ยอห์น) จึงถามพระเยซูคริสต์ และคำตอบที่พระองค์ตอบเปโตรนั้น ทำให้เราเห็นถึงความสัพพัญญูของพระเจ้า ชีวิตของยอห์นเป็นไปตามที่พระเยซูทรงตรัส พระองค์เท่านั้นที่รู้ถึงอนาคตของมนุษย์ มนุษย์ด้วยกันไม่มีทางรู้ และในอีกมุมหนึ่งของคำตอบนั้น พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เรายุ่งกับชีวิตของใคร เพราะเขาจะเป็นอย่างไรขึ้นกับพระเจ้าเท่านั้น

1. พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์
เหตุที่พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นองค์สัพพัญูญู ทรงรู้อนาคตของมนุษย์
ก็เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์นั่นเอง
พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และส่วนหนึ่งของพระวิญญาณมาบังเกิดเป็นพระเยซูคริสต์
ยน.4:24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง

คส.1:15-18 พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง เพราะว่าในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครองหรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้น โดยพระองค์และเพื่อพระองค์พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกาย คือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นปฐม เป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง
ขนาดของพระวิญญาณยิ่งใหญ่ ปกคลุมโลก ปกคลุมสวรรค์ ปกคลุมจักรวาล
และความยิ่งใหญ่นั้นมาปรากฏเป็นพระเยซูคริสต์

ยน.1:14 พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา
พระวาทะของพระเจ้า มาบังเกิดเป็นมนุษย์ คำพูดของพระเจ้า มาบังเกิดเป็นพระเยซู
พระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์นิรันดร์กาลมาอยู่กับเราตลอดเวลา

ยน.14:8-11 ฟีลิปทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เห็น ก็พอใจข้าพระองค์แล้ว"พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ฟีลิปเอ๋ย เราได้อยู่กับท่านนานถึงเพียงนี้และท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระ
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 10 “รอบบ่าย” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

บิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า "ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น"ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา คำซึ่งเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น เรามิได้กล่าวตามใจชอบ แต่พระบิดาผู้ทรงสถิตอยู่ในเรา ได้ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ จงเชื่อเราเถิดว่า เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา หรือมิฉะนั้นก็จงเชื่อเพราะกิจการเหล่านั้นเถิด
เมื่อเราเห็นพระเยซู ก็เท่ากับเราเห็นพระเจ้า เมื่อเรามีพระเยซู ก็เท่ากับเรามีองค์พระบิดา

1.1 ชีวิตของยอห์น เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ว่าพระเยซูทรงเป็นองค์สัพพัญญู
อัครสาวกยอห์น เป็นผู้ที่เขียนพระคัมภีร์กิตติคุณยอห์น, จดหมายฝาก 1-3 ยอห์น และพระธรรมวิวรณ์
ท่านเป็นหนึ่งในสาวกที่พระเยซูคริสต์ทรงรักและโปรดปราน
ชีวิตของท่านผูกพันและสนิทสนิมกับพระเยซูคริสต์เป็นอย่างดี
และการที่พระเยซูคริสต์ตอบเปโตรว่า ถ้าพระองค์จะให้ยอห์นมีชีวิตอยู่จนพระองค์กลับมาจะเป็นเรื่องอะไรของท่าน
จากคำๆ นี้ ทำให้มีการพูดต่อๆ กันไปว่ายอห์นจะไม่ตาย

จากประวัติศาสตร์เราก็ทราบแล้วว่า อัครทูตทุกคนถูกจับและฆ่าตายในรูปแบบต่างๆ กัน
มีเพียงท่านยอห์นเท่านั้นที่ถูกจับ แต่ไม่ถูกฆ่า ท่านถูกนำไปปล่อยไว้ที่เกาะปัทมอส
ตรงกับคำที่พระเยซูคริสต์กล่าวถึงอนาคตของท่าน นี่คือความสัพพัญญูของพระเจ้า
พระเจ้าทรงรู้ตอนจบของมนุษย์ตั้งแต่จุดเริ่มต้น

ก. ในอดีตยอห์นเป็นคนใจร้อนและมักใหญ่ใฝ่สูง
มธ.20:20-24 ขณะนั้นมารดาของบุตรแห่งเศเบดี พาบุตรทั้งสองมาเฝ้าพระองค์กราบไหว้ทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์พระองค์จึงทรงถามนางนั้นว่า "ท่านปรารถนาอะไร" นางทูลว่า "ขอพระองค์รับสั่งตั้งให้บุตรของข้าพระองค์สองคนนี้ นั่งในราชอาณาจักรของพระองค์เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายคนหนึ่ง"แต่พระเยซูตรัสตอบว่า "ที่ท่านทั้งสองขอนั้นท่านไม่เข้าใจ ถ้วยซึ่งเราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ" เขาทูลว่า "ได้พระเจ้าข้า"พระองค์ตรัสกับเขาว่า "ท่านทั้งหลายจะดื่มถ้วยของเราเป็นแน่ แต่ซึ่งจะนั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่พนักงานของเราที่จะจัดให้ แต่พระบิดาของเราได้ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ใดก็จะให้แก่ผู้นั้น"เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้ว ก็มีความขุ่นเคืองพี่น้องสองคนนั้น
(ข้อความเดียวกันกับ มก.10:35-45)
สิ่งที่ท่านขอในขณะนั้น แสดงถึง ความมักใหญ่ใฝ่สูงของทั้งยอห์นและยากอบ

ข. แต่ภายหลังเติบโตขึ้น ท่านกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว และมีความรัก
ยน.13:34-35 เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้นถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา"
1ยน.3:17-18 แต่ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังใจจืดใจดำไม่สงเคราะห์เขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นอย่างไรได้ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง
1ยน.4:7-8 ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้าผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
จากความเห็นแก่ตัว กลายเป็นความรักและเอื้ออาทร
ยอห์นสอนให้เราพิสูจน์ความรักด้วยการยอม ด้วยการเสียสละ ด้วยการให้
ให้แล้วเราจะได้รับ เสียแล้วเราจึงจะได้
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 10 “รอบบ่าย” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เมื่อพระเจ้าทรงเลือกผู้ใด พระองค์ไม่ได้เลือกที่ปัจจุบันเท่านั้น แต่พระเจ้าเลือกเพราะรู้อนาคตของเราด้วย
พระเจ้าทรงทราบดีว่า ยอห์นจะสามารถเปลี่ยนชีวิตจากไม่ดีให้กลายเป็นดีได้
เราเองก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้เช่นเดียวกันกับท่าน

1.2 ชีวิตของยากอบก็เช่นกัน สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ทั้งยอห์นและยากอบ เคยเป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูง แต่องค์สัพพัญญูสามารถเปลี่ยนแปลงท่านได้
ยากอบ เป็นผู้เขียนพระธรรมยากอบ
ยก.3:13-17 ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา ก็ให้ผู้นั้นแสดงการประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี มีใจอ่อนสุภาพประกอบด้วยปัญญา แต่ถ้าท่านรู้สึกขมขื่นเพราะมีใจริษยาและมักใหญ่ใฝ่สูง ก็อย่าโอ้อวดและอย่าทรยศต่อความจริง ปัญญาเช่นนี้ ไม่เหมือนปัญญาที่มาจากเบื้องบน แต่เป็นปัญญาอย่างโลกและเป็นโลกียวิสัย และเป็นเช่นปิศาจ เพราะว่าที่ใดมีความริษยาและความมักใหญ่ใฝ่สูง ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำชั่วช้าลามกต่างๆ แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด
พระวจนะที่ท่านได้บันทึกตอนนี้ เล็งถึง การเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง
จากคนเห็นแก่ตัว มาเป็นคนอุทิศตัว จากเห็นแก่ได้ มาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
จากผู้แย่งชิง มาอยู่อย่างสงบกับพี่น้อง กับทุกคน
คนที่ทำอะไรโดยไม่หวังผล จะได้ผล จะได้พรจากพระเจ้า เพราะเขาเป็นภาชนะที่สะอาด ไม่มีรูรั่ว

1.3 องค์สัพพัญญูทำให้เราเห็นว่า พระวจนะใน 2คร.5:17 เป็นจริงเสมอ
2คร.5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
ทั้งชีวิตของยอห์น และชีวิตของยากอบ ทำให้เราเห็นความจริงในข้อนี้
พระเจ้ารู้ดีว่าชีวิตของผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์สามารถเปลี่ยนแปลงได้
แต่เงื่อนไขของการถูกสร้างใหม่ คือ การอยู่ในพระคริสต์
“อยู่ในพระคริสต์” ไม่ได้หมายถึง อยู่ในโบสถ์คริสต์ หรืออยู่ในศาสนาคริสต์
หลายคนรู้เรื่องพระเยซู แต่ไม่รู้จักพระเยซู หลายคนเชื่อศาสนาคริสต์ แต่ไม่ได้เชื่อองค์พระเยซูคริสต์
ผล คือ ชีวิตไม่เปลี่ยน ... ก็เหมือนเราป่วย ไปโรงพยาบาล ตราบใดไม่เจอแพทย์ ตราบนั้นก็ไม่รับการรักษา

“อยู่ในพระคริสต์” หมายถึง องค์พระเยซูคริสต์ ต้องอยู่ในชีวิตของเรา
อยู่ในพระคริสต์ หมายถึง เชื่อในพระคริสต์ เชื่อในคำสอน เชื่อในพระคัมภีร์
อยู่ในการเชื่อฟัง คำแนะนำ ยอมรับการสร้างจากผู้รับใช้พระเจ้าตัวแทนของพระองค์

ก. หนอนกับผีเสื้อ
ชีวิตในพระคริสต์ สามารถเปลี่ยนแปลงได้เหมือน “หนอน” เปลี่ยนเป็น “ผีเสื้อ”
ชีวิตที่น่ารังเกียจ ชีวิตที่น่าขยะแขยง สามารถเปลี่ยนเป็นชีวิตที่สวยงามได้
ถ้าเรายอมให้องค์สัพพัญญูเปลี่ยนชีวิตของเรา
เราทำไม่ได้ แต่พระเจ้าทำได้ ฟังดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นไปได้
เพราะพระเจ้ามีขบวนการสร้างชีวิตเราอย่างหลากหลาย

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 10 “รอบบ่าย” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ข. ชีวิตฝ่ายวิญญาณก็เหมือนชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง คือ ต้องใช้เวลาในการเติบโต
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ แต่จำเป็นต้องใช้เวลา จากทารกเป็นเด็ก จากเด็กเป็นผู้ใหญ่
อฟ.4:13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
1คร.13:11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย
เมื่อเราเติบโต เราก็กลายเป็นคนใหม่ และพระเจ้าองค์สัพพัญญูรู้ดีว่าเบื้องปลายของผู้เชื่อ ดีกว่าเบื้องต้น

1.4 ใครจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ธุระของเรา แต่เป็นพระราชอำนาจของพระเจ้า
ยน.21:21-22 เมื่อเปโตรเห็นสาวกคนนั้นจึงทูลถามพระเยซูว่า "พระองค์เจ้าข้า คนนี้จะเป็นอย่างไร"พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ถ้าเราอยากจะให้เขาอยู่จนเรามานั้น จะเป็นเรื่องอะไรของเจ้าเล่า เจ้าจงตามเรามาเถิด"
เปโตร ถามว่า “คนนี้จะเป็นอย่างไร?” แต่คำตอบของพระเยซูสอนเราว่า
ใครจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ธุระของเรา แต่เป็นพระราชอำนาจพระเจ้า
พระเจ้าเป็นองค์สัพพัญญู ใครจะเป็นอะไร อย่างไร อดีต ปัจจุบัน อนาคตอยู่ที่พระเจ้า

ก. ใครจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของเขาและเป็นเรื่องของพระเจ้า
รม.14:3 อย่าให้คนที่กินนั้นดูหมิ่นคนที่ไม่ได้กิน และอย่าให้คนที่มิได้กินกล่าวโทษคนที่ได้กิน เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดรับเขาไว้แล้ว
ใครจะเป็นอย่างไร เป็นอำนาจของพระเจ้า ไม่ใช่อำนาจของเรา
เราอยากให้เขาเป็นโน่นเป็นนี่ และด่วนสรุปชีวิตของคน
แต่แนวทางของพระเจ้า คือ สอนไม่ให้เราละเมิด ด่วนตัดสินหรือด่วนสรุป
พระเจ้าสอนให้เรามองคนด้วยสายตาของพระเจ้า ไม่ใช่สายตาของมาร
สายตาของมาร คือ ดูหมิ่น ดูถูก กล่าวโทษ
ใครที่ทำผิดต่อเรา เราเจ็บใจได้ แต่อย่าเจ็บแค้น อย่าดูหมิ่นคนทำผิด
พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างของมนุษย์ พระองค์เหมือนเราทุกอย่าง ยกเว้นไม่มีบาป
พระองค์ร้องไห้เป็น เจ็บปวดเป็น ทุกข์ใจเป็น แต่พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน
พระเจ้าไม่ได้มองข้ามความเป็นมนุษย์ของเรา แต่พระองค์ทรงสร้างเราให้เป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่ พันธุ์พิเศษ

รม.14:4 ท่านเป็นใครเล่า จึงกล่าวโทษบ่าวของคนอื่น บ่าวคนนั้นจะได้ดีหรือจะล่มจมก็สุดแล้วแต่นายของเขา และเขาก็จะได้ดีแน่นอน เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฤทธิ์อาจให้เขาได้ดีได้
พระเจ้าไม่ให้เรายุ่งกับชีวิตของผู้อื่น เพราะพระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้
การอัศจรรย์ของพระเจ้าสามารถเกิดขึ้นได้กับเราทุกคน
พระเจ้าไม่เพียงปั้น “ดิน” ให้เป็น “ดาว” เท่านั้น พระเจ้าทรงสามารถปั้น “ขี้” ให้เป็น “ทอง” ได้อีกด้วย
เราทุกคนเป็นคนบาปที่สารพัดขี้ ไม่ว่าจะขี้เกียจ ขี้น้อยใจ ขี้สะดุด ฯลฯ
แต่ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร พระเจ้าสามารถเปลี่ยนเราให้เป็นทองได้
ดังนั้น อย่าสิ้นหวัง ... อย่าสิ้นหวังในพระเจ้า และอย่าสิ้นหวังในคนของพระเจ้า

ข. สุดท้ายยอห์นได้รับบำเหน็จ ไม่ถูกฆ่าตาย แต่ถูกปล่อยเกาะปัทมอส
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 10 “รอบบ่าย” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ชีวิตของยอห์นเป็นไปตามที่พระเยซูตรัส (ยน.21:23)
ในขณะที่สาวกคนอื่นถูกจับและฆ่าตายอย่างทรมาน ยอห์นเป็นสาวกคนเดียวที่ถูกจับ แต่ไม่ถูกฆ่า
กลับถูกจับไปปล่อยเกาะปัทมอส นี่เป็นรางวัลของการยืนหยัดเคียงข้างพระเยซูคริสต์

ในวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน ทุกคนทอดทิ้ง มีเพียงยอห์นเท่านั้นที่ยืนอยู่เคียงข้าง
ยน.19:25-27 พวกทหารได้กระทำดังนี้ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกางเขนของพระเยซูนั้น มีมารดาของพระองค์กับน้าสาวของพระองค์ มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลาเมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์ และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้พระองค์ จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า "หญิงเอ๋ย จงดูบุตรของท่านเถิด"แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกคนนั้นว่า "จงดูมารดาของท่านเถิด" ตั้งแต่เวลานั้นมาสาวกคนนั้นก็รับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตน
ยอหน์นร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับพระเยซู จึงรับรางวัลสูงมาก
การรักษาดูแลผู้รับใช้พระเจ้าให้อยู่กับเราให้นานที่สุด คือ ความฉลาดของเราเอง
ผู้นำคนทุกมีคุณค่ายิ่งกว่าเพชร เพราะเพชรสร้างคนไม่ได้ แต่ผู้นำสร้างคนได้
ดังนั้น การอยู่เคียงข้างผู้รับใช้ มันคุ้มค่า แต่ต้องทำด้วยใจ ด้วยความเข้าใจ จึงจะมีรางวัลเสมอ

รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่ยอห์นได้รับจากพระเจ้า ไม่ใช่เพียงการไม่ถูกฆ่าตาย
แต่ที่เกาะนั้น พระเจ้าทรงสำแดงอดีต และอนาคตให้ท่านทราบ
ยอห์น เห็นสวรรค์ เห็นนรก เห็นเหตุการณ์ต่างๆ จนถึงวันสิ้นโลก
วว.1:9 ข้าพเจ้าคือยอห์น พี่น้องของท่านทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนร่วมการยากลำบาก และร่วมราชอาณาจักร และร่วมความอดทน ซึ่งเป็นประสบการณ์ในพระเยซู ข้าพเจ้าจึงได้มาอยู่ที่เกาะปัทมอสเนื่องด้วยพระวจนะของพระเจ้า และเนื่องด้วยการเป็นพยานฝ่ายพระเยซู
วว.4 ยอห์นเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่หน้าบัลลังก์
เปาโล กล่าวถึงพระเจ้าผู้เสวยสุข (1ทธ.6:15-16) แต่ยอห์นได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
วว.12 ยอห์นเห็นสงครามในสวรรค์
วว.21-22 ยอห์นเห็นสวรรค์

สิ่งที่เกิดขึ้นกับยอห์น สอนเราว่า ทุกสิ่งที่ทำย่อมมีรายรับรายจ่ายอยู่เสมอ
กท.6:7-9 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้นผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้นอย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร
ทุกอย่างที่เสียสละ เลือดทุกหยด เหงื่อทุกหยุด ทำให้เรารับบำเหน็จจากพระเจ้าเหมือนที่ยอห์นได้รับ
การมาหาพระเจ้า หลายคนอาจต้องเสียสละ เช่นทำงานวันอาทิตย์ ยอมหยุดงาน เราอาจจะเสียรายรับบางส่วน
แต่เชื่อมั่นได้เลยว่า เราจะได้รับมากกว่านั้นจากพระเจ้า
เราได้รับพระวจนะ เราได้รับแนวคิด และสิ่งนี้จะช่วยเราในการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น
อย่าลืมว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าทรงใหญ่มาก พระพรของพระเจ้าที่ประทานให้เรามากเกินกว่าที่เราจะขอหรือคิดได้

มก.10:29-30 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา ในยุคนี้ ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่าคือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูกและไร่นา ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 10 “รอบบ่าย” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

พระเจ้าสัญญาว่าถ้าสละเพื่อพระองค์ จะรับการตอบแทนจากพระเจ้า
แต่ทำงานให้พระเจ้าอย่ามีตัวเลขในหัว จงมีหัวใจให้กับพระเจ้า
พระเจ้าจะมีวิธีประทานพระพรอย่างอัศจรรย์

2. พระเจ้าทรงเป็นองค์สัพพัญญู รู้ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นนิรันดร์
นอกจากชีวิตของยอห์น ที่เป็นตัวอย่างในเรื่องความสัพพัญญูขององค์พระเยซูคริสต์แล้ว
ยังมีอีกหลายตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นถึงความเป็นพระเจ้า ผู้รู้อนาคตของมนุษย์
เราไม่รู้ แต่พระเจ้ารู้ เพราะพระองค์เป็นองค์สัพพัญญู พระเจ้ารู้ตั้งแต่ต้นจนจบ

2.1 ตัวอย่างชีวิตของนาธาเอล
ยน.1:45-49 ฟีลิปไปหานาธานาเอลบอกเขาว่า "เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในหนังสือธรรมบัญญัติ และที่พวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึง คือ พระเยซู ชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ"นาธานาเอลถามเขาว่า "สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ" ฟีลิปตอบว่า "มาดูเถิด"พระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลมาหา พระองค์จึงตรัสถึงเรื่องของตัวเขาว่า "ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย"นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน"นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า "รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล"
พระเจ้ามองเห็นและรู้จักนาธานาเอล ตั้งแต่เขายังไม่เห็นพระองค์
ความสัพพัญญูของพระองค์ ทำให้นาธานาเอลยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า

พระเจ้ามองเห็นเราเหมือนที่มองเห็นนาธานาเอลด้วย
พระเจ้ามองเห็นความเข็มแข็ง มองเห็นความอ่อนแอของเราทุกอย่าง
แต่ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร พระเจ้าทรงรักเราเสมอ และรักเราจนถึงที่สุด
พระเจ้ารักเราไม่เปลี่ยน และไม่ท้อถอยที่จะรักเรา
ยน.13:1 ก่อนถึงงานเทศกาลปัสกา พระเยซูทรงทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดา พระองค์ทรงรักพวกของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด

2.2 รู้อนาคตของเปโตร
ลก.22:31-34 "ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ดูเถิด ซาตานได้ขอพวกท่านไว้ เพื่อจะฝัดร่อนเหมือนฝัดข้าวสาลีแต่เราได้อธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด และเมื่อท่านได้หันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน"ฝ่ายท่านจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์พร้อมแล้วที่จะไปกับพระองค์ ถึงจะต้องติดคุกหรือถึงความตายก็ดี"พระองค์ตรัสว่า "เปโตรเอ๋ย เราจะบอกท่านวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง"
พระเยซูทรงทราบดีว่า เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ แต่แม้รู้ว่าเปโตรจะปฏิเสธ ท่านยังทรงรักเปโตร
ตัวเราเองก็เช่นกัน หลายครั้งเราแปรปรวน รวนเร แต่พระเจ้ายังทรงรักเรา
ความรักพิสูจน์กันที่สามารถยอมรับส่วนไม่ดีของอีกฝ่ายหนึ่งได้
พระเจ้าองค์สัพพัญญูพิสูจน์แล้วว่าพระองค์ทรงรักเราจริง เพราะพระองค์ยอมรับได้แม้ส่วนที่ไม่ดีของเรา

แม้เปโตรจะเคยปฏิเสธพระเยซู แต่ลึกๆ เปโตรรู้ว่าพระเจ้าทรงทราบว่าท่านรักพระเจ้า
เราสามารถพูดอย่างที่เปโตรพูดกับพระเยซูคริสต์ได้หรือไม่? เราแน่ใจหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงทราบว่าเรารักพระองค์
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 17 ม.ค. 10 “รอบบ่าย” -7- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

แม้เรามีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ในเวลานี้ แต่หัวใจที่เราให้พระเจ้านั้นเป็นหัวใจที่สมบูรณ์

2.3 พระเจ้าทรงรู้ชีวิต ความคิด การกระทำของมนุษย์ทุกคน
สดด.139:1-12 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบ พระองค์ทรงประจักษ์ในความคิดของข้าพระองค์ได้แต่ไกลพระองค์ทรงค้นวิถีของข้าพระองค์และการนอนของข้าพระองค์ และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์ข้าแต่พระเจ้า แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้วพระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์อยู่ทั้งข้างหลังและข้างหน้า และทรงวางพระหัตถ์บนข้าพระองค์ความรู้อย่างนี้อัศจรรย์เกินข้าพระองค์ สูงนัก ข้าพระองค์เอื้อมไม่ถึงข้าพระองค์จะไปไหน ให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้ หรือข้าพระองค์จะหนีไปไหนให้พ้นพระพักตร์ของพระ องค์ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ทรงสถิตที่นั่น ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดนผู้ตาย พระองค์ทรงสถิต ที่นั่นถ้าข้าพระองค์จะติดปีกแสงอรุณ และอาศัยอยู่ที่ส่วนของทะเลไกลโพ้นแม้ถึงที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะนำข้าพระองค์และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะยึดข้าพระองค์ไว้ถ้าข้าพระองค์จะว่า "ขอเพียงความมืด จงบังข้าไว้ และจงให้ความสว่างรอบข้าเป็นกลางคืน"สำหรับพระองค์ แม้ความมืดก็ไม่มืด กลางคืนก็แจ้งอย่างกลางวัน ความมืดเป็นอย่างความสว่าง
ความสัพพัญญูของพระเจ้า ทรงรู้ ทรงเห็น ทรงเข้าใจเราทุกอย่าง

2.4 พระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์สัพพัญญู สัญญากับผู้เชื่อทุกคนว่า เราจะไม่พินาศ
ยน.10:28 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้นแกะนั้นจะไม่พินาศเลยและจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้
พระเจ้าทรงสัญญา และถ้าพระเจ้าทรงสัญญา พระองค์ทรงรักษาสัญญานั้นด้วย
พระเจ้าทรงค้ำประกันชีวิตเราด้วยชีวิตของพระองค์เอง ถ้าแม้ความตายพระเจ้ายังให้ได้
ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าไม่สามารถประทานให้เราได้

2ปต.2:9 ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงทราบว่า จะช่วยคนชอบธรรมให้รอดพ้นจากการทดลองได้อย่างไร และทรงทราบวิธีกักขังคนชั่วไว้ ให้รับโทษเมื่อถึงวันพิพากษา
เราไม่รู้ แต่พระเจ้ารู้ทุกสิ่ง และพระองค์มีวิธีที่จะพิทักษ์รักษาและปกป้องเรา
ขอให้เรายึดมั่นในความเชื่อและมั่นใจองค์สัพพัญญูพระเจ้าองค์นี้
พระเจ้ายิ่งใหญ่พอที่จะสามารถดูแลอนาคตของเราได้

No comments:

Post a Comment