Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ วุฒิภาวะผู้นำ ” จาก “ ฟป.3:15-16 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 09 “รอบเช้า” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ วุฒิภาวะผู้นำ ” จาก “ ฟป.3:15-16 ”

ฟป.3:15-16 เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น และถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย แต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป
พระวจนะของพระเจ้า ทุกบท ทุกข้อ ทุกตอน เป็นประโยชน์สำหรับคนของพระเจ้า เมื่อเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จะทำให้ชีวิตของเราพรักพร้อมที่จะกระทำทุกประการอย่างที่พระวจนะของพระเจ้าตรัสไว้
2ทธ.3:16-17 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง

จากพระวจนะใน ฟป.3:15-16 มี 3 คำ ที่น่าคิด คือ คำว่า “ผู้ใหญ่” “คิดอย่างนั้น” และ “ดำเนินตรงตามนั้นต่อไป”
ทั้ง 3 คำนี้ เล็งถึง วุฒิภาวะผู้นำ ความเป็นผู้นำ ความเป็นผู้มีวุฒิภาวะ
“ผู้นำ” เป็นมากกว่าผู้จัดการ และผู้บริหาร ... ผู้นำ ต้องมีการนำ และไม่ใช่ทุกคนจะเป็นผู้นำได้

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “คนโง่ที่สุดในโลก คือ คนที่คิดแบบเดิม ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง”
คนที่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ จะคิดแบบใหม่อยู่เสมอ คิดดีอยู่แล้ว คิดให้ดีขึ้น คิดดีขึ้นอยู่แล้ว ต้องคิดให้ดีเลิศ
เปาโล เป็นผู้มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และเป็นผู้นำในระดับโลก ดังนั้น ลักษณะแนวคิด ความคิดของท่าน เราจึงควรนำมาเป็นแบบอย่างของชีวิต เพื่อสร้างลักษณะชีวิตของเราให้มีวุฒิภาวะมากขึ้น ให้เป็นผู้ที่จะนำคนอื่นได้มากขึ้น

1. เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้ว ...
ฟป.3:15 เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น และถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย
คำๆ นี้ แสดงถึง ความเป็นผู้นำที่มีวุฒิภาวะ
คนจะมีวุฒิภาวะได้ ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ผู้ใหญ่ฝ่ายร่างกาย ฝ่ายอายุ
แต่ต้องเป็นผู้ใหญ่ทางจิตวิญญาณ ทางความคิด ทางคุณธรรม ทางความรู้
เวลาผ่านไป เราแก่ขึ้นทุกวัน โตขึ้นทุกวัน ... อย่าให้เราโตแต่ตัว หรือใหญ่แต่อายุ
ผู้ใหญ่ที่ใหญ่เพียงอายุ เหมือนของขวัญกล่องสวย ... แต่ข้างในว่างเปล่า เป็นกล่องเปล่า
อายุมาก แต่ข้างในไม่มีอะไร น่าสงสาร ไม่เป็นประโยชน์

วุฒิภาวะผู้นำ วัดได้จาก ...
1.1 ขนาดของงาน วัดขนาดของคน
สิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนของวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของคน คือ ขนาดของงาน
ขนาดของงานที่ทำมาแล้ว และขนาดของงานที่เขากำลังจะทำ
ขนาดของงาน วัดขนาดของคน คือ วัดขนาดความยิ่งใหญ่ วัดขนาดปัญญา วัดขนาดความสามารถ
วัดขนาดความเป็นผู้นำ และวัดขนาดของวุฒิภาวะ
วุฒิภาวะของคน ไม่ได้วัดกันที่อายุ หรือใบปริญญา
หลายคนเก่งเรียน แต่ไม่เก่งชีวิต ไม่เก่งนำ ไม่เก่งคน
กจ.9:15 ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า "จงไปเถิด เพราะว่าคนนั้นเป็นภาชนะที่เราได้เลือกสรรไว้ สำหรับจะนำนามของเราไปยังประชาชาติ กษัตริย์และพวกอิสราเอล

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 09 “รอบเช้า” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

ขนาดงานของเปาโล กำหนดขนาดวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของท่าน
งานที่พระเจ้ามอบหมายให้เปาโลทำ คือ ประกาศกับ 1) ประชาชาติ 2) กษัตริย์ 3) พวกอิสราเอล
คนๆ เดียวทำงานเกือบทั้งโลกได้ คนๆ เดียว ทำในสิ่งที่คนทั้งโลกต้องร่วมกันทำ
เปาโล ทำสำเร็จ คำสอนของท่าน จึงมีน้ำหนัก
หลายคนสอน แต่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ ... ใครจะเชื่อในสิ่งที่เขาสอน
ดังนั้น จึงกล่าวว่า “ขนาดของงาน วัดขนาดของคน” และ “ขนาดของคน กำหนดขนาดของงาน”

คำสอนของเปาโล ก็คือ พระวจนะตั้งแต่ โรม จรด ฮิบรู นั่นเอง (รวมทั้งฟิลิปปีที่เรากำลังศึกษาอยู่ด้วย)
ไม่เพียงเป็นคำสอนที่มีน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังเป็นเข็มทิศชีวิตที่ถูกต้อง
หากเราอยากเดินทางที่ถูก ต้องเดินตามพระคัมภีร์
รวมทั้งยังเป็นพิมพ์เขียวของมนุษย์ ทั้งในด้านการทำงาน การดูแลครอบครัว การดำเนินชีวิต และการรับใช้พระเจ้า

1.2 ต้องเข้าใจ และเข้าถึง “การเติมความพอดีในส่วนที่ขาด”
ฟป.3:12 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว
เปาโล เป็นตัวอย่างที่ดีของการเข้าใจและเข้าถึงในเรื่องนี้
ท่านกล่าวยอมรับว่า ท่านยังไม่สำเร็จ ยังไม่บรรลุ แต่กำลังมุ่งมั่นบากบั่น
เป็นความอ่อนน้อมถ่อมตัว และเป็นคำสอนมีความหมายมาก
เราอยู่ในโลก ต้องอยู่อย่างเป็นประโยชน์ เราไปจากโลก ต้องไปอย่างเป็นประโยชน์

การเติมความพอดีในส่วนที่ขาดของแต่ละคนต่างกัน
เช่น รถยนต์ ย่อมต้องเติมน้ำมันมากกว่า รถมอเตอร์ไซค์
เติมมากกว่า เพราะต้องใช้มากกว่า

เราต้องเติมส่วนที่เราและผู้อื่นขาด อย่างพอดีๆ อย่ามากไป หรืออย่าน้อยไป
อะไรที่เรามี หรือเราอยากมี ... มีแล้วต้องควบคุม ดูแล บริหารและปกครองมันได้
อย่ามีเพื่ออวด หรือมีแล้วเสียคน เราต้องเป็นผู้ครอบครอง ไม่ใช่ผู้ถูกครอบครอง ตาม ปฐก.1:26-28
คนที่ปกครองได้ ยิ่งมีมาก ยิ่งเป็นประโยชน์มาก

1.3 ต้องเข้าใจและเข้าถึง “การตัดทอนความอยากในส่วนที่เกิน”
ฟป.4:11-12 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน
รม.12:3 ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคนโดยพระคุณ ซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า อย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ท่าน
คนที่มีวุฒิภาวะ ไม่มีความอยากเกินตัว และไม่มีความคิดเกินตัว
ถ้ามด ไม่พอใจในความเป็นมดของตัวเอง ก็เป็นมดประหลาด
พระเจ้าสร้างให้เราเป็นอย่างไร จงพอใจอยู่อย่างนั้น
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 09 “รอบเช้า” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

คนที่คิดเกินกว่าที่ตนเองจะเป็น คือ คนบ้า คนขาดสติ ขาดปัญญา และจะหาความสงบในชีวิตไม่ได้
เพราะเขาดิ้นรนทำในสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้ เป็นในสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้
โลกทั้งใบ พระเจ้าไม่เคยฝากไว้ให้ใครคนใดคนหนึ่งดูแล
แต่พระเจ้าฝากทุกคนในโลกให้ช่วยกันดูแล ... เราเป็นส่วนหนึ่ง แต่เราไม่ได้เป็นทั้งหมด

เราต้องรู้จักสงบ ปล่อยวาง ลดความอยากเสียบ้าง
เพราะแม้ว่าเราจะตายไปในวันนี้ โลกใบนี้ยังคงหมุนต่อไป (บางครั้งอาจจะดีกว่าด้วยถ้าไม่มีเรา)
อย่าคิดว่าตัวสำคัญ เพราะบางครั้งแทนที่เราจะสำคัญ เราอาจกลายเป็นตัวปัญหาหรืออุปสรรคก็ได้
มนุษย์ถูกสร้างให้เป็น บริษัท จำกัด เก่งแค่ไหน ก็จำกัด ฉลาดแค่ไหน ก็จำกัด มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ไม่จำกัด

1.4 ดำเนินชีวิตอย่างมีหลัก รู้จักแยกแยะ
คนที่ไม่มีวุฒิภาวะ จะไม่รู้จักแยกแยะ
ใครหรืออะไรที่ตนชอบ ถือว่าดีหมด แม้แต่ตดยังว่าหอม ใครหรืออะไรที่ตนเกลียด ถือว่าทุกสิ่งไม่มีดี
พระเจ้าสอนให้เรารัก เรารักได้ แต่ต้องแยกแยะให้ได้ด้วย
ถ้าเราไม่สามารถแยกแยะผิดถูกได้ ก็ถือว่าเราดำเนินชีวิตอย่างไม่มีหลัก

ฟป.3:19-21 ปลายทางของคนเหล่านั้นคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะ เขายกความที่น่าอับอายของเขาขึ้นมาโอ้อวด เขาสนใจในวัตถุทางโลกแต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้รอด ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายอันทรงพระสิริของพระองค์ ด้วยฤทธานุภาพซึ่งทำให้พระองค์ปราบสิ่งสารพัดลงใต้อำนาจของพระองค์
หลักของคริสเตียน คือ เป็นคนสองโลก 1) โลกนี้ (อนิจจัง) 2) โลกหน้า (นิรันดร์)
คนที่ดำเนินชีวิตไม่มีหลัก ไม่รู้จักแยกแยะ ... ทั้งชีวิตของเขา คือ โลกนี้เท่านั้น
ลาภยศ เกียรติ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน เงินทอง คือ ที่สุดของชีวิตเขา
แต่คนที่เข้าถึงโลกหน้า คือ โลกนิรันดร์ จะลดความอหังการของตนเอง
คิดเป็น แยกแยะได้ คนดี คนเก่งกว่าเรามีมากมาย
- อยู่ในโลก อยู่อย่างเป็นประโยชน์และทำประโยชน์
- แต่ไม่หยุดที่โลกนี้เท่านั้น ตายไปอยู่กับพระเจ้า รับผิดชอบในสวรรค์กับพระเจ้า

2. ได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้ดำเนินตรงตามนั้นต่อไป
ฟป.3:16 แต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป
คำนี้ เป็นอีกคำหนึ่งที่แสดงถึงวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ
ดำเนินตรงตามนั้นต่อไป ตรงกับคำว่า Keep Walking
คือ ต้องทำต่อไป ต้องเดินต่อไป ต้องแก้ไขต่อไป ต้องปรับปรุงต่อไป ต้องเติบโตต่อไป

2.1 วุฒิภาวะผู้นำ คือ การเติบโตต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ไม่มีที่สุดสิ้น โตขึ้นทุกวัน
เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เข้าใจนักปราชญ์มากขึ้น เข้าใจผู้เชื่อในศาสนาอื่นมากขึ้น
ต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ให้มากขึ้น คิดให้มากขึ้น คิดให้ดีขึ้น

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 09 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

อฟ.4:13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ 3 ขนาด คือ
1) เป็นผู้ใหญ่
2) เป็นผู้ใหญ่เต็มที่
3) เป็นผู้ใหญ่ถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
เราต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางจิตวิญญาณ ความคิด ปัญญา ไม่หยุดเรียน ไม่หยุดรู้ ไม่หยุดก้าวหน้า
เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็เป็นผู้ใหญ่ให้เต็มที่ และต้องพัฒนาจนเป็นผู้ใหญ่ถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์
มองตัวเองในกระจก แล้วต้องนับถือตัวเองให้ได้

มธ.5:3 บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา
เราจะดำเนินตรงไปตามนั้นได้ เติบโตได้มากขึ้น ต้องมีความรู้สึก “บกพร่อง” อยู่เสมอ
รู้สึกว่าปัญญาเรายังบกพร่อง คุณธรรมเรายังบกพร่อง
ขวนขวายหามาเติมเต็มให้ได้มากขึ้น เราก็จะเติบโตได้มากขึ้น

2.2 วุฒิภาวะผู้นำ คือ ทำอย่างต่อเนื่อง จนสำเร็จ
อับราฮัม ลินคอล์น มักกล่าวว่า “ผมไม่ใช่คนเร็ว ผมเป็นคนช้า แต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง”
นิทานอีสป ก็สอนเราจากเรื่อง “เต่ากับกระต่าย” เต่าที่ช้ากว่ากระต่าย กลายเป็นผู้ชนะได้ ถ้าดำเนินต่อเนื่องจนสำเร็จ
ความช้า ความเร็ว ไม่สำคัญเท่าความมุ่งมั่น
ที่หลายคนไม่ค่อยเจริญ ก็เพราะไม่ดำเนินตรงไปตามนั้น ไม่ต่อเนื่อง
การทำอย่างต่อเนื่อง เป็นกุญแจที่จะนำเราสู่ความสำเร็จในทุกเรื่อง
คนที่ล้มเหลว คือ คนที่ล้มเลิกกลางทาง ... ไม่ทำต่อเนื่อง
การทำงานในโลกล้วนต้องประสบปัญหาทั้งสิ้น
แต่ต้องจำไว้ว่า “ปลาเป็นเท่านั้นที่ว่ายน้ำทวนกระแส ในขณะที่ปลาตายว่ายตามกระแส”
การฝ่ากระแส ฝ่าปัญหา ฝ่าวิกฤติ ไม่ใช่เป็นการดันทุรัง แต่เป็น “คนที่มีวุฒิภาวะ”

คำหนุนใจจาก ดร.บิลลี่ เกรแฮม เกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ
ความสำเร็จ กับ ความลำบาก เป็นของคู่กัน
ถ้าเราพบความสำเร็จ โดยไม่ลำบาก แสดงว่า มีคนลำบากมาก่อนเรา
ถ้าเราพบความลำบาก โดยไม่สำเร็จ แสดงว่า คนที่มาหลังเราจะพบความสำเร็จ

คำสอน ปรัชญา และทัศนคติในการดำเนินชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับมนุษย์
อย่าให้มารหลอกเราว่า เมื่อเจออุปสรรค คือ เวรกรรม หรือพระเจ้าลงโทษ
เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์จากพระฉาย เราเก่งอย่างพระเจ้า มีปัญญาอย่างพระเจ้า
ถ้าเราตั้งใจจะทำอะไร ย่อมทำสำเร็จได้ทั้งสิ้น
ปฐก.11:6 แล้วพระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด คนเหล่านี้เป็นชนชาติเดียว มีภาษาเดียว นี่เป็นเพียงเบื้องต้นของสิ่งที่เขาจะทำ และเขา ตั้งใจจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น
ท่องไว้ในใจเลยว่า “ยิ่งยาก ยิ่งภาคภูมิใจ ยิ่งยาก ยิ่งมีคุณค่า”
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 09 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

3. วุฒิภาวะผู้นำ คือ ผู้มีวิสัยทัศน์
3.1 มองอนาคต มุ่งหลักชัย และความสำเร็จเป็นหลัก
ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ในการทำงาน ในการนำ ในการบริหารจัดการ
มุ่งหลักชัย มองความสำเร็จเป็นหลัก ... ละเว้น เรื่องจุกจิก ปลีกย่อย
เส้นทางระหว่าง “จุดเริ่มต้น” และ “ปลายทาง” มีหลายอย่างที่เราไม่รู้ และไม่มีในตำราเรียน
ความแตกต่างของ “โรงเรียน” กับ “ชีวิต” คือ
โรงเรียน สอนบทเรียนแก่เรา เพื่อให้เราทดสอบ, แต่ชีวิต ทดสอบเรา เพื่อให้บทเรียน
ดังนั้น คนที่ไม่เตรียมชีวิตก็อยู่ยาก โดยเฉพาะในยุคสุดท้าย
คริสตจักรจึงมีหน้าที่เตรียมชีวิตคน เตรียมธรรมิกชนให้มีวุฒิภาวะถวายพระเจ้า

มองที่อนาคต อย่ามองปัจจุบัน ... ปัจจุบันมีปัญหา ก็ต้องแก้ แต่อย่าจดจ่ออยู่กับมัน
อย่าให้ปัญหา และความยุ่งยากของคนมาเป็นหลุมฝังเรา
เราต้องเดินไปข้างหน้า บทสรุปชีวิตดูที่หลักชัย เริ่มต้นอย่างไร ไม่สำคัญเท่าจบลงอย่างไร?

ผู้นำที่ดีนั้น แม้เห็นแสงริบหรี่อยู่ปลายอุโมงค์ ... ก็จะท้าทายคนให้ไปถึงจุดนั้น
อย่าให้งานเล็กน้อย เรื่องจุกจิก ไร้สาระ มาทำลายเรา
ห้ามคนไม่ให้ด่าเรา ห้ามไม่ได้ แต่เราห้ามตัวเราให้ไม่ฟังเขาได้
อนาคตของเรา ไม่ได้อยู่ที่ฟองน้ำลายของคน เราฟังทุกเสียง แต่ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกเสียง
อะไรดี เราฟัง นำมาปรับปรุง ... บทสรุปของชีวิตเรา จะบ่งบอกเองว่าเราเป็นอย่างไร

การมองหลักชัย เป็นหลัก จะเพิ่มพลังในการนำในกับเรา
ผู้นำ ต้องเดินนำหน้า และนำออกไป
ยน.10:3-4 นายประตูจึงเปิดประตูให้ผู้นั้น แกะย่อมฟังเสียงของท่าน ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไปเมื่อท่านต้อนแกะของท่าน ออกไปหมดแล้ว ก็เดินนำหน้า และแกะก็ตามท่านไป เพราะรู้จักเสียงของท่าน
ผู้นำ จะนำออกไป เดินนำหน้า และผู้ตามจะตามเขา
ผู้นำ จะทำก่อน จะเสียสละก่อน นำ แต่ไม่อวด มุ่งประโยชน์ เป็นประโยชน์

ผู้มีวิสัยทัศน์ จะมองว่าทุกคนสามารถใช้ได้ทั้งนั้น
เพราะเราไม่ได้ใช้ในส่วนที่เขา “บกพร่อง” แต่เราใช้ในส่วนที่เรา “ทำได้”
สังคมไทยแย่ เพราะแทนที่จะมุ่งเรื่องที่เด่นของคน กลับมุ่งส่วนด้อย
หลายครั้งสิ่งที่เราเห็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไป
ที่เห็นกันว่าดี ข้างในเลวก็มีถมไป ที่เห็นกันว่าแย่ ข้างในดีก็มีมาก
อยากรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ให้ดูคำพูด การกระทำ และการทำงานของเขา
คำพูดคน สะท้อนใจคน ... การกระทำคน สะท้อนปัญญาคน ... การทำงานคน สะท้อนความมีวุฒิภาวะของคน
คนที่ว่าร้ายผู้อื่น แสดงว่า ข้างในของเขามีแต่เรื่องร้ายๆ
มธ.12:35 คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา
ผู้ใหญ่ ต้องทำอย่างผู้ใหญ่ จะไปทำอย่างเด็กไม่ได้

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 09 “รอบเช้า” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

3.2 วุฒิภาวะผู้นำ คือ ผู้มีสายตาแหลมคม มองไกล
สภษ.20:12 หูที่ฟังได้และตาที่มองเห็น พระเจ้าทรงสร้างมันทั้งสอง
พระเจ้าสร้างทั้งหูและตาให้กับมนุษย์ แต่ไม่ใช่ทุกหูที่ฟังได้ จะได้ยิน และไม่ใช่ทุกตาที่มอง จะเห็น
หูที่ฟังมีมาก แต่หูที่ได้ยินมีน้อย ตาที่มองมีมาก แต่ตาที่เห็นมีน้อย
ตาที่มองเห็น คือ มองทะลุ มองถึงอนาคต มองไกล
ไม่ดูหมิ่นคนเล็กน้อยในวันนี้ เพราะวันหน้าเขาอาจจะยิ่งใหญ่ได้
คนที่พบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็ไต่เต้ามาจากข้างล่างด้วยกันทั้งนั้น

ผลของการมองไกล คือ ให้โอกาสคนทำผิด
เราทุกคนเคยทำผิด และได้รับโอกาสจากพระเจ้า ... ทำไมเราไม่คิดจะให้โอกาสผู้อื่นบ้าง
การมองไกล จะทำให้เรามีกำลังใจ มีความแหลมคม และทำให้เราละเอียดมากขึ้นในการสร้างคน

3.3 วิสัยทัศน์ ไม่ใช่ความฝันอันเลื่อนลอย แต่เป็นจินตนาการในอนาคตที่โดดเด่นในความคิด
ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจในปัจจุบันที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้
ฮบ.11:1-3 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริงโดยความเชื่อนี้เองคนในสมัยก่อนก็ได้รับการรับรองจากพระเจ้าโดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
คนของพระเจ้า ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อที่ผ่านกระบวนการความคิด
เชื่อแม้ไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องคิดด้วย
เช่น ทานยาที่แพทย์ให้แม้ไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่ารักษาโรคได้ เพราะผ่านกระบวนการทางการแพทย์มาแล้ว

การมองไกล ต้องให้ความสำคัญกับเด็ก เพราะเด็ก คือ อนาคต
คนทุกคนย่อมมีค่าและเป็นประโยชน์ เพียงแต่แตกต่างกันในขนาดและความชำนาญ

4. ลักษณะของคนที่มีภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำไม่ใช่ ผู้มีบุคลิกดึงดูดผู้คน ไม่ใช่ ผู้ที่มีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ ผู้มีความสามารถในการสร้างมิตร
ดารานักร้อง เป็นผู้ที่มีบุคลิกดึงดูดผู้คน แต่เขาไม่ใช่ผู้นำ
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ไม่มีบุคลิกที่ดึงดูผู้คน แต่เขาดึงคนได้โดยผลงานที่กระทำ
คนที่มีมิตรมาก ก็ไม่ได้เป็นผู้นำเสมอไป

แต่ลักษณะของคนที่มีภาวะผู้นำ คือ
4.1 ผู้มีความสามารถในการยกระดับวิสัยทัศน์ของคนให้สูงขึ้น ไกลขึ้น
ผู้นำ จะมองการณ์ไกล มองในสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น
วิสัยทัศน์ของเราต้องไกลจนถึงโลกนิรันดร์ ไม่ใช่เพียงแค่โลกนี้เท่านั้น
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “ชีวิตคนมี 2 แบบ แบบหนึ่ง คือ ไม่มีสิ่งใดอัศจรรย์ อีกแบบ คือ ทุกสิ่งล้วนอัศจรรย์”
เราจะมองอย่างไร ขึ้นกับว่าวิสัยทัศน์ของเราเป็นอย่างไร


คำเทศนา อาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 09 “รอบเช้า” -7- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

4.2 ผู้มีความสามารถในการยกระดับความสามารถของคนให้สูงกว่ามาตรฐานธรรมชาติ
ผู้นำมีหลายระดับ
ระดับที่ 1 คือ ผู้นำที่ทุกคนเกลียด คือ สูงได้ตามขั้น มาตามสาย
ระดับที่ 2 คือ ผู้นำที่ทุกคนรัก ... ลักษณะชีวิตดี แต่ไม่มีผลงาน
ระดับที่ 3 คือ ผู้นำที่ทุกคนภาคภูมิใจ ... ดี และมีผลงาน
ระดับที่ 4 คือ ผู้นำที่เป็นสุดยอด คือ ผู้นำที่สร้างผู้นำ
ใครอยู่กับเขา ทำงานกับเขา จะได้รับการยกระดับความสามารถขึ้นสูงกว่ามาตรฐานธรรมชาติ

กจ.4:13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู
พระเยซูทรงกระทำสำเร็จแล้ว สร้างเปโตรและยอห์นให้สามารถโต้ตอบนักปราชญ์ในสภาได้
เปโตร และยอห์น เป็นชาวประมงธรรมดาสามัญ แต่เพราะใช้ชีวิตอยู่กับพระเยซู
เขาจึงมีลักษณะความสามารถที่สูงกว่ามาตรฐานธรรมชาติ

4.3 ผู้มีความสามารถในการสร้างบุคลิกภายในให้เหนือขอบเขตความจำกัดของธรรมชาติ
ปฐก.1:26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
พระเจ้าสร้างมนุษย์จากพระฉายพระเจ้า เราเก่ง เรามีปัญญา เรามีความสามารถ เรามีคุณธรรมอย่างพระเจ้า
สิ่งที่มากระทบชีวิตเรา มันจะ 1) วัดเรา 2) สอนเรา 3) สร้างเรา
- มีคนมาด่าเรา เรานิ่ง หรือเต้นตาม หรือด่าตอบ มันก็วัดเรา
- คนเล่าเรื่องโน่นเรื่องนี้ให้ฟัง เราเชื่อทุกเรื่องที่ได้ยินได้ฟังหรือไม่ มันก็วัดเรา
จำไว้ว่า มนุษย์ทุกคนล้วนบกพร่องด้านวาจา ... ไม่พูดขาด ก็พูดเกิน
- มีคนเคารพนับถือเรา เราลอยหรือไม่?
- มีคนดูถูกดูหมิ่นเรา เรารู้สึกต่ำต้อยหรือไม่?
อาการของเราทั้งหมด ที่ตอบสนองต่อการถูกกระทำ นั่นแหละวัดเราว่าเติบโตถึงขั้นใดแล้ว

4.4 ผู้ที่มีความสามารถในการส่งผ่านวิสัยทัศน์สู่ทีมงาน ยกระดับความเชื่อ ความคิด ความสามารถ
จนทุกคนร่วมผลักดันงานหรือ นิมิตให้ถึงจุดมุ่งหมายหลักชัย
ผู้นำไม่เพียงมีความสามารถเท่านั้น แต่ต้องส่งผ่านความสามารถนั้นแก่ผู้อื่นด้วย
ความเชื่อ ความหวัง ความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา เราต้องมีต่อผู้อื่นด้วย
ความเชื่อ ความหวัง ความรักที่ให้มีให้เรา ก่อให้เกิดพลังและกำลังในการเปลี่ยนแปลง
1คร.13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1คร.3:9 เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์
พระเยซูยึดครองโลกได้ คริสตจักรรุ่งเรืองได้ ก็เพราะเหตุนี้แหละ

No comments:

Post a Comment