Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ กุญแจสู่ความดีเลิศ ” จาก “ ฟป.3:12-16 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 15 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ กุญแจสู่ความดีเลิศ ” จาก “ ฟป.3:12-16 ”
ตอน 1 : บากบั่นมุ่งไป

ฟป.3:12-16 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้าข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น และถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วยแต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป
ลูกพระเจ้า ต้องมีมาตรฐานที่ดีที่สุด คือ มุ่งสู่ความเป็นเลิศ
เมื่อเรามีภาพชัดเจนว่าชีวิตต้องมุ่งสู่ความดีเลิศ เพราะความดีเลิศเป็นมาตรฐานชีวิตคริสเตียน และเป็นมาตรฐานของการดำเนินชีวิตทุกเรื่อง เราไม่เพียงเป็นคนดีเท่านั้น แต่ต้องเป็นคนดีที่พัฒนาด้วย
มนุษย์จะถกเถียงกันในเรื่องหลักข้อเชื่อว่า เชื่ออะไรดีกว่าอะไร แต่ไม่มีใครเถียงเรื่อง “ชีวิตใหม่” ของผู้เชื่อได้ เช่น เคยเห็นแก่ตัว เดี๋ยวนี้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เคยทำร้าย แต่เดี๋ยวนี้ทำดี ... เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครเถียงได้
สำหรับพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ มีสามคำที่สำคัญในการนำเรามุ่งไปสู่ความดีเลิศ คือ
1) บากบั่นมุ่งไป
2) ฉวยโอกาส
3) ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสียและโน้มตัวไปข้างหน้า
ในตอนที่ 1 นี้ ขอเน้นเฉพาะกุญแจดอกที่ 1 คือ บากบั่นมุ่งไป ดังนี้

บากบั่นมุ่งไป
คนไทยส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่บากบั่น
สโลแกนประจำตัวของคนทั่วไป คือ เช้ายาม เย็นชาม
ในขณะที่พระวจนะของพระเจ้าสอนให้เรา “บากบั่นมุ่งไป”
บากบั่นมุ่งไป หมายถึง มุ่งมั่น ไม่เสร็จไม่เลิก ไม่ถึง ไม่หยุด
ฟป.3:12 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว
ไม่คิดว่าตัวเองได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่บากบั่นมุ่งไป

บากบั่นมุ่งไป หมายถึง ความอึด ความทรหดอดทน
คส.1:11 ขอให้ท่านมีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี
ต้องอดทนด้วยความยินดี ไม่ใช่ทนไปเศร้าไป ทนไปคิดว่าเป็นเวรกรรมไป

บากบั่นมุ่งไป หมายถึง มีความวิริยะอุตสาหะ
คส.1:29 เพื่อเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงตรากตรำทำงานด้วยความอุตสาหะ เข้มแข็งด้วยพลังที่พระองค์ทรงดลใจข้าพเจ้าอยู่
ต้องมีความวิริยะอุตสาหะในการทำงาน

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 15 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

บากบั่นมุ่งไป หมายถึง อดทนจนถึงที่สุด
มธ.24:13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด
ทนได้ถึงที่สุด ทำได้ถึงที่สุด และต่อเนื่องถึงที่สุด
นี่คือกุญแจสำคัญในการนำชีวิตเราไปสู่ความดีเลิศ

1. ไม่มีมนต์วิเศษใดที่จะเสกให้คนประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ ความสำเร็จเป็นของผู้ลงมือทำ ไม่ใช่นักฝันที่ไม่เคยลงมือทำ
คนไทย จะทำอะไรมักถือฤกษ์ยาม แต่ที่หาฤกษ์หายามเวลาแต่งงาน ก็เลิก ก็หย่ากันไปหลายคู่ ฤกษ์ไม่ได้ช่วยอะไร
ส่วนใหญ่ท่าดีทีเหลว เป็นนักฝันที่ไม่เคยลงมือกระทำ จึงไม่มีวันสำเร็จ

ตัวอย่างบุคคลที่ลงมือกระทำและประสบความสำเร็จ
ก. เปาโล
กจ.9:15 ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า "จงไปเถิด เพราะว่าคนนั้นเป็นภาชนะที่เราได้เลือกสรรไว้ สำหรับจะนำนามของเราไปยังประชาชาติ กษัตริย์และพวกอิสราเอล
พันธกิจที่พระเจ้ามอบหมายให้เปาโล คือ ประกาศกับประชาชาติ กษัตริย์ และอิสราเอล
ประกาศตั้งแต่เยรูซาเล็มและไปทั่วโลก ท่านทำสำเร็จได้ เพราะลงมือกระทำ

กจ.20:20-24 และสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิได้ปิดซ่อนไว้ แต่ได้ชี้แจงให้ท่านเห็น กับได้สั่งสอนท่านในที่ประชุม และตามบ้านเรือนทั้งเป็นพยานแก่พวกยิวและพวกกรีก ถึงเรื่องการกลับใจใหม่เฉพาะพระเจ้า และความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าของเรานี่แน่ะ บัดนี้พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้างเว้นไว้แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าในทุกบ้านทุกเมืองว่า เครื่องจำจองและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น
กจ.20:27-28 เพราะว่าข้าพเจ้ามิได้ย่อท้อ ในการกล่าวเรื่องพระดำริของพระเจ้าทั้งสิ้นให้ท่านทั้งหลายฟังท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี และจงรักษาฝูงแกะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงตั้งท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และเพื่อจะได้ปกครองคริสตจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิต
กจ.26:19 ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพระบาทจึงเชื่อฟังนิมิต ซึ่งมาจากสวรรค์นั้น และมิได้ขัดขืน
แม้รู้ว่าอุปสรรค คือ ความตายขวางหน้าอยู่ ท่านยังบากบั่นมุ่งไป
ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก และไม่มีอุปกรณ์ทันสมัย อีกทั้งถูกข่มเหง จับกุม
เปาโลไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าไป แล้วจะถูกจับ ... แต่การถูกจับนั้นทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ

ข. โนอา เวบสเตอร์
ใช้ความพยายามหลายสิบปีเพื่อสร้างดิกชันนารี หรือพจนานุกรมฉบับอเมริกัน
โนอา เวบสเตอร์ ตีพิมพ์พจนานุกรมฉบับอเมริกันเล่มแรกของโลกออกมาในปี ค.ศ.1806
โดยพจนานุกรมฉบับปฐมฤกษ์นี้มีคำศัพท์ทั้งหมด 40,000 กว่าคำ
จนกระทั่งปี ค.ศ.1828 ก็ได้มีการตีพิมพ์ฉบับที่สองออกมาโดยมีคำศัพท์มากกว่าเดิมถึงสองเท่า
และชื่อของเวบสเตอร์ก็ปรากฏอยู่ในพจนานุกรมฉบับอเมริกันมากมายหลายเล่ม

หลายคนพยายามแค่ไม่นานก็ถอยแล้ว แต่การทำต่อเนื่อง มุ่งมั่นไม่ล้มเลิกให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 15 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

และเวบสเตอร์ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สอนเรา

ค. แบลส์ ปาสคาล (Blaise Pascal)
แบลส ปาสกาล คือนักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักปรัชญาผู้เคร่งครัดในศาสนา
ปาสกาลเป็นเด็กที่มหัศจรรย์มีความรู้เหนือเด็กทั่วๆ ไปโดยได้ศึกษาเล่าเรียนจากพ่อของเขาเอง
ปาสกาลจะตื่นทำงานแต่เช้าตรู่ท่ามกลางธรรมชาติโดยมักเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
ที่ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเครื่องคิดเลขและการศึกษาเกี่ยวกับของเหลว
ทำให้เขาเข้าใจความหมายของความดันและสุญญากาศด้วยการอธิบายของอีวันเกลิสตา ตอร์ริเชลลี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของกาลิเลโอ
ปาสกาลเป็นหนึ่งในนักคณิตศาสตร์ที่โด่งดังที่สุดในวงการคณิตศาสตร์ เขาสร้างสองสาขาวิชาใหม่ในการทำรายงาน เขาเขียนหนังสือที่สำคัญบนหัวข้อผู้ออกแบบเรขาคณิตเมื่ออายุเพียง 16 ปีและยังติดต่อกับ ปิแยร์ เดอ แฟร์มาต์ ในปี พ.ศ. 2197 (ค.ศ. 1654) เกี่ยวกับทฤษฎีความน่าจะเป็น ความมั่นคง อิทธิพลของการพัฒนาของเศรษฐกิจสมัยใหม่และวิทยาศาสตร์สังคม ประสบการณ์อันน่ามหัศจรรย์ในปี พ.ศ. 2197 (ค.ศ. 1654) ปาสกาลออกจากวงการคณิตศาสตร์และฟิสิกส์โดยอุทิศตัวเพื่องานเขียนเกี่ยวกับปรัชญาและศาสนา สองงานของเขามีชื่อเสียงมากในช่วงเวลานั้นคือLettres provinciales อย่างไรก็ตามเขาได้รับโรคร้ายเข้าสู่ร่างกาย และได้เสียชีวิตหลังจากงานวันเกิดครบรอบอายุ 39 ปีเพียงสองเดือน
เมื่อมีคนกล่าวกับเขาว่า “ถ้าผมสมองดีเหมือนคุณผมต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้แน่”
ท่านตอบว่า “ปรับปรุงตัวคุณให้ดีขึ้นแล้วคุณจะมีสมองเหมือนผม”
กุญแจสู่ความดีเลิศ คือ ปรับปรุงอยู่เสมอ
ที่ไม่ดี ให้ดี ... ที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีมากขึ้น ทุกอย่างต้องมีการปรับกันไปเรื่อย

2. ธรรมชาติชีวิต สอนเราให้บากบั่น
พระเจ้าสอนให้เราบากบั่น ผ่านธรรมชาติชีวิต แต่เราไม่ค่อยเรียนรู้มากนัก
ก. ธรรมชาติสร้างอาหารให้นก แต่ไม่เคยป้อนมันถึงรัง นกต้องหากินเอง
ธรรมชาติสร้างหนอนให้เป็นอาหารของนก ... แต่ไม่เคยนำมาป้อนมันถึงรัง
นกทุกตัวต้องบินออกจากรังเพื่อไปหาอาหารกินเอง
เล็งถึง ความบากบั่น มุ่งมั่น ขยัน และอดทน

ข. เป็ดน้อยที่ว่ายบนน้ำ ใต้ผิวน้ำ สองเท้าของมันพุ้ยน้ำไม่หยุด
เราเห็นเป็ดว่ายน้ำดูสวยงามน่ารัก และนิ่ง แต่ที่จริงแล้ว ภายใต้ผิวน้ำ เท้าทั้งสองข้างของมันต้องพุ้ยน้ำไม่หยุด
ก็เหมือนกับชีวิตของเรา เรามีชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะหัวใจมันเต้นไม่หยุด
หัวใจหยุดเต้นเมื่อใด เราก็ตายเมื่อนั้น
นี่แหละคือสิ่งที่ธรรมชาติสอนเราเรื่องความบากบั่น

3. การบากบั่น มุ่งมั่น เป็นรากแก้วของชีวิต
ต้นไม้ที่ไม่มีรากแก้วอายุสั้น ไม่แข็งแรง
ชีวิตคนถ้าไม่มีรากแก้ว คือ ไม่ถูกสร้างให้ขยัน ไม่บากบั่น มีแต่รากฝอย
โอกาสที่จะเติบโตและมีชีวิตอยู่รอดก็ยาก
โดยเฉพาะในยุคสุดท้ายนี้ ผู้ใดไม่แกร่งจริง ไม่เก่งจริง ไม่บากบั่นอยู่ยาก
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 15 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

แต่ถ้าข้อคิดของพระเจ้าอยู่ในชีวิตผู้ใด ผู้นั้นก็สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคง
ทุกความสำเร็จต้องใช้เวลาบากบั่น เพื่อให้ได้มา ไม่ใช่เอาแต่คุย หรืออธิษฐานไม่ลงมือทำ
ฟป.4:13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
หลายคนเป็นคริสเตียน เอาแต่อธิษฐานแต่ไม่ทำ ก็ไม่เกิดผล
เราอธิษฐาน คือ ขอพร ขอกำลัง ขอปัญญา ขอการทรงนำ
แต่เราเองต้องเป็นผู้ที่ลงมือกระทำ งานจึงจะสำเร็จ

4. มนุษย์มีสิ่งพิเศษที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา
ก. เราบินไม่ได้เหมือนนก แต่เราสร้างเครื่องบินที่บินเร็วและทนกว่านกได้
ข. เราวิ่งไม่เร็วเท่าเสือ แต่เราสร้างรถยนต์ วิ่งเร็วกว่าเสือได้
ค. เราว่ายน้ำไม่เร็วเท่าปลาฉลาม แต่เราสร้างเรือที่เร็วกว่า และสามารถเอาฉลามมากินเป็นอาหารได้
ง. เราไม่มีดวงตาเฉียบคมเหมือนเหยี่ยว แต่เราสร้างกล้องจุลทรรศน์ เอาแสง รังสี มาใช้ได้คมยิ่งกว่าตาของเหยี่ยว
“มองดูสภาพกายแล้ว มนุษย์อ่อนแอ ถ้าเทียบกับสัตว์” แม้เชื้อโรคเล็กๆ ก็สามารถฆ่ามนุษย์ได้
แต่เพราะมนุษย์เป็นพระฉายพระเจ้า เราจึงมีความสามารถ มีปัญญาเหนือสัตว์
ปฐก.1:26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"

น่าเสียดายที่มนุษย์หลายคนไม่รู้จักใช้ของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าประทานให้ เพื่อก้าวไปสู่ศักยภาพสูงสุด
เสียดาย เพราะหยุดคิด ... แต่ถ้าเราไม่หยุดคิด ไม่หยุดทำ และทำอย่างเต็มกำลัง บทสรุปของเรา คือ ผลงาน
เราวัดคนที่ขนาดของงานที่ทำมาแล้ว และกำลังทำอยู่ ไม่ใช่วัดที่ปริญญา
เบื้องหลังผลงาน คือ ความเหนื่อยยาก ความมุ่งมั่น และการบากบั่น
เหมือนสุภาษิตโบราณที่ว่า “หนทางพันไมล์ เริ่มต้นที่ก้าวเดียว”

5. กุญแจสู่ความดีเลิศ ต้องใช้ความคิดที่สูงส่งบวกความมานะมุ่งมั่น
ด้วยการคิด มนุษย์สร้างดาวเทียม สถานีอวกาศ คอมพิวเตอร์ ขณะที่สัตว์คิดไม่ได้
นกและหนู เคยสร้างรังอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นตลอดไป ไม่มีการพัฒนา
แต่มนุษย์มีความสามารถในการคิดสูงส่งล้ำเลิศ เพราะเป็นพระฉายพระเจ้า
ดังนั้น กุญแจสู่ความดีเลิศ จึงไม่ใช่เพียงความบากบั่นมุ่งมั่นเท่านั้น แต่ต้องใช้ความคิดที่สูงส่งด้วย
ความคิดต้องสูงขึ้น ต้องดีขึ้น บวกความมานะบากบั่น และเรามีพระเจ้าคอยอวยพร ชีวิตเราจึงมุ่งสู่ความดีเลิศได้

5.1 มีคนล้มเหลว อยู่ 2 ประเภท
1) กลุ่มที่ไม่เคยคิดอะไรจริงจัง ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ
2) กลุ่มที่เอาแต่คิด แต่ไม่ทำอะไรจริงจัง
คนสองกลุ่มนี้ คือ คนล้มเหลวไม่สามารถไปถึงหลักชัยได้
คนสองกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มใหญ่ของสังคมไทย ... พูดมาก โม้เก่ง แต่ไม่ค่อยมีใครทำ
คนล้มเหลว ไม่ได้เกิดปีซวย หรือชื่อซวย แต่มันเกี่ยวกับว่าเขาทำอะไร เขาก็ได้สิ่งนั้นแหละ
เราจะรวยหรือจน ล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จ ขึ้นกับการกระทำของตัวเราเอง
คิดโดยไม่ทำ หรือ ทำโดยไม่คิด ก็มีค่าเท่ากัน คือ ความล้มเหลว
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 15 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

5.2 การมีชีวิตโดยไม่ใช้ความสามารถในการคิดผิดน้ำพระทัยพระเจ้า และผิดวัตถุประสงค์ที่ทรงสร้างมา
สดด.8:5-6 เพราะพระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าพระเจ้าแต่หน่อยเดียว และสวมศักดิ์ศรีกับเกียรติให้แก่เขาพระองค์ทรงมอบอำนาจให้ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ทรงให้สิ่งทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
ความสามารถที่เรามี ต้องคิด ... ทำอะไร กับใคร อย่างไรคุ้มค่าหรือไม่?
ถ้าปรัชญาชีวิตผิด ชีวิตก็ผิด ... การไม่คิด ย่อมทำให้ชีวิตไปผิดทิศอย่างแน่นอน
ดังนั้น การมีชีวิตโดยไม่ใช้ความสามารถในการคิดจึงผิดน้ำพระทัยและผิดวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าสร้างเรา
พระเจ้าสร้างให้เราครอบครอง ไม่ใช่ถูกครอบครอง และจะครองครองได้ต้องมีความสามารถในการคิด

มนุษย์เราต่ำกว่าพระเจ้าหน่อยเดียว สูงกว่าแม้กระทั่งเทพทูตสวรรค์
ทุกอย่างอยู่ใต้เท้าเราๆ ต้องพัฒนา ดูแล รักษา
และถ้าเราอยู่เพื่อโลกได้ ก็อยู่เพื่อชาติได้ อยู่เพื่อชาติได้ ก็อยู่เพื่อครอบครัวได้
คนที่สามารถดูแลผู้อื่นได้ ก็ดูแลตัวเองได้ด้วย
ดังนั้น บากบั่นสู่ความเป็นเลิศ ใครทำ คนนั้นได้ และจะส่งไปถึงคนอื่นด้วย

6. บากบั่น มุ่งไป คือ เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ
ตัวอย่างจาก “ชายหนุ่ม” กับ “โสเครติส”
ชายหนุ่มถามโสเครติส ว่าทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ
ท่านจึงจับชายคนนั้นไปกดน้ำ ... เมื่อเห็นว่าทนไม่ไหวจึงปล่อยขึ้นมา
สิ่งที่ท่านต้องการสอน คือ ขณะที่อยู่ใต้น้ำสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด คือ อากาศหายใจ
ดังนั้น เคล็ดลับที่จะนำเราสู่ความสำเร็จ คือ ต้องกระหายหาความสำเร็จ
เหมือนกับที่เรากระหายหาอากาศ เมื่อจะขาดใจตาย
ท่องไว้ในใจเสมอว่า “มันต้องได้ มันต้องสำเร็จ”

7. ความทุกข์ยาก อุปสรรค ปัญหา เป็นอุปกรณ์สร้างวีรบุรุษวีรสตรี
ความทุกข์ อุปสรรค และปัญหาที่เราต้องฝ่าฟัน ไม่ใช่เวรกรรม คำสาป
แต่เป็นอุปกรณ์ของพระเจ้า เพื่อสร้างเราให้เป็นวีรบุรุษ วีรสตรีของพระองค์

ก. ทะเลราบเรียบ ไม่อาจสร้างนักเดินเรือที่เก่งกาจได้
ทะเลที่มีคลื่น จะสร้างนักเดินเรือที่เก่งกาจ
ความลำบากสร้างคน ความสบายทำลายคน
เมื่อเจอปัญหาอย่ากลัว เพราะปัญหาจะสร้างให้เราแกร่งขึ้น

ข. นักสู้ไม่เคยบันทึกว่าคำ “ยอมแพ้”
คำว่า “ไม่ได้” หรือ คำว่า “ยอมแพ้” มีอยู่ในพจนานุกรมของคนโง่เท่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาอย่ายอมแพ้ ... เขาก็คน เราก็คน เขาทำได้ เราก็ทำได้
ความตั้งใจ บากบั่น มุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้เท่านั้น จึงจะเราเราไปสู่หลักชัยแห่งความสำเร็จ

ค. ลูกรัก ลูกชัง
ตัวอย่าง แม่ลิงมีลูก 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นลูกรัก ตัวหนึ่งเป็นลูกชัง
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 15 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เวลาไปไหนมาไหน แม่ลิงจะเอาลูกรักไว้ข้างหลัง เพื่อไม่ต้องเจอกับความผิดพลาดเวลาโหนต้นไม้
ส่วนลูกชังเอาไว้ข้างหน้า เพื่อรองรับอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น
ลูกรัก ไม่เคยเผชิญปัญหาอะไรเลย ในขณะที่ลูกชัง ต้องคอยระวังอยู่เสมอ อยู่นิ่งเฉยไม่ได้
ผล คือ เมื่อแม่ลิงตาย ลูกรักเป็นเหยื่อเสือ ในขณะที่ลูกชังกลายเป็นพญาวานร
เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดตัวอย่างหนึ่งที่ว่า “ความลำบากสร้างคน ส่วนความสบาย ทำลายคน”
ทั้งนี้ก็อยู่ที่เราจะเลือกเป็น “ลูกรัก” หรือ “ลูกชัง”

บทสรุปจากชีวิตเปาโล เรื่องความบากบั่น
2ทธ.4:7-8 ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุดข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ต่อแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะทรงประทานแก่คนทั้งปวงที่ยินดีในการเสด็จมาของพระองค์
- เราต้องต่อสู้อย่างเต็มกำลัง
- เราต้องแข่งขันจนถึงที่สุด
- เพื่อจะรับมงกุฎความชอบธรรมของพระเจ้า
และมีชีวิตสู่ความดีเลิศ อันเป็นมาตรฐานที่พระเจ้าวางไว้สำหรับชีวิตผู้เชื่อ

No comments:

Post a Comment