Sunday, April 24, 2011

เรื่อง “ คุณค่าสูงส่ง ประโยชน์สูงสุด ” จาก “ ฟป.3:4-11 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

เรื่อง “ คุณค่าสูงส่ง ประโยชน์สูงสุด ” จาก “ ฟป.3:4-11 ”

ฟป.3:4-11 ข้าพเจ้าก็มีมากกว่าเขาเสียอีก คือเมื่อข้าพเจ้าเกิดมาได้แปดวันก็ได้เข้าสุหนัต ข้าพเจ้าเป็นชนชาติอิสราเอล เผ่าเบนยามิน เป็นชาติฮีบรู เกิดจากชาวฮีบรู ในด้านธรรมบัญญัติก็อยู่ในคณะฟาริสีในด้านความกระตือรือร้น ก็ได้ข่มเหงคริสตจักร ในด้านความชอบธรรมซึ่งมีอยู่โดยธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ไม่มีที่ติได้ แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์ และจะได้ปรากฏอยู่ในพระองค์ ไม่มีความชอบธรรมของข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มีมาโดยความเชื่อในพระคริสต์ เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ในฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น และร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์ ถ้าเป็นไปได้ข้าพเจ้าก็จะได้เป็นขึ้นมาจากความตายด้วย
เปาโล เป็นคนที่มีดีให้อวดมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง ใครที่ว่ามีอวด เปาโลมีมากกว่าผู้อื่นทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ฐานะ ชนชั้น หรือด้านธรรมบัญญัติ เปาโลบรรลุและประสบความสำเร็จทุกด้าน อยู่แนวหน้าของโลกในทุกด้าน แต่ท่านให้บทสรุปสำหรับชีวิตตนเองใน ฟป.3:7 ว่า “แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์”
ท่านไม่ได้เห็นแก่ตนเอง แต่เห็นแก่พระเจ้า ชีวิตของท่านจึงมีคุณค่าอย่างสูงส่ง และมีประโยชน์อย่างสูงสุด
เราเองสามารถมีชีวิตที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ได้ ถ้าเรานำคำสอนของพระเจ้าและแบบอย่างชีวิตของเปาโลไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของเราเอง แม้ในทางปฏิบัติดูเหมือนจะไม่ง่าย แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายและมีคุณค่า ถ้าเราทำได้ชีวิตของเราจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อคริสตจักร และต่อประเทศชาติ

1. คุณค่าสูงส่ง
ชีวิตของเปาโล เป็นชีวิตที่มีคุณค่าสูงส่ง ข้อนี้ใครๆ ก็ยอมรับกันทั้งโลก
1.1 เปาโล มีดี มีความสำเร็จ แต่ไม่ยึดติด ไม่เป็นทาสสิ่งเหล่านั้น
ฟป.3:4-8 ข้าพเจ้าก็มีมากกว่าเขาเสียอีก คือเมื่อข้าพเจ้าเกิดมาได้แปดวันก็ได้เข้าสุหนัต ข้าพเจ้าเป็นชนชาติอิสราเอล เผ่าเบนยามิน เป็นชาติฮีบรู เกิดจากชาวฮีบรู ในด้านธรรมบัญญัติก็อยู่ในคณะฟาริสีในด้านความกระตือรือร้น ก็ได้ข่มเหงคริสตจักร ในด้านความชอบธรรมซึ่งมีอยู่โดยธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ไม่มีที่ติได้ แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์
สิ่งที่เปาโลเคยมี และเป็นที่อวดได้ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ชนชั้น หรือการศึกษา
เมื่อท่านได้พบกับพระเจ้า ก็พบว่าอาณาจักรวัตถุหรือสิ่งที่ท่านมี
เทียบไม่ได้เลยกับอาณาจักรนิรันดร์ หรืออาณาจักรฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า
ท่านจึงยอม “สละ” สิ่งเหล่านั้น เพื่อให้ได้ “พระคริสต์”

คุณค่าของเปาโล คือ ได้สละสิ่งที่มนุษย์เห็นว่ามีค่าที่สุดในโลกอนิจจัง เพื่อจะได้สิ่งที่มีค่าสูงสุดเป็นนิรันดร์
“สละ” สิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่เพื่อ “ตัวเอง” แต่เพื่อ “พระคริสต์”
ข้ามจาก “ตัวเอง” ไปหา “พระเจ้า” ข้ามจากโลก “อนิจจัง” ไปสู่โลก “นิรันดร์” ข้ามจากโลก “วัตถุ” เป็นโลก “วิญญาณ”
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

สละทั้งหมด เพื่อได้พระคริสต์ ถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุด
เพราะการที่เราได้ “พระคริสต์” ก็คือเท่ากับเราได้ทั้งหมด
เหมือนสละเงินพัน เพื่อรับเงินล้าน เป็นต้น ... คุณค่าสูงมาก
ไม่มีใครในโลกนี้ที่เอาจริงเอาจังกับพระเจ้าแล้วจะตกต่ำลง มีแต่สูงขึ้นทั้งสิ้น
เพราะพระเจ้ามีแนวทางวางไว้ให้เราเดินตาม คือ พระวจนะของพระองค์ เป็นคู่มือชีวิตคริสเตียน
แต่แปลกที่คนในโลกกลับโง่ มองไม่เห็นและไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้

1.2 ชีวิตเราจะมีคุณค่า ก็ต่อเมื่อเราได้สละให้กับพระเจ้า
ชีวิตของเปาโล วางแบบอย่างไว้กับเราแล้ว
ชีวิตของท่านนั้น ไม่ว่าจะเดินเส้นทางใดก็ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จทั้งสิ้น
แต่ท่านเลือกเดินกับพระเจ้า เลือกสละชีวิตให้กับพระเจ้า
เลือกมาเป็นอัครทูตตั้งคริสตจักรของพระเจ้า... จึงเกิดคุณค่าอย่างสูงส่ง
กท.2:20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า
กจ.20:24 แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น
เปาโล ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หลายคนมองไม่เห็น และคิดไม่ถึง
ทางพระเจ้าเท่านั้นที่จะผลิตคนดีให้โลก สร้างคุณค่าชีวิตให้กับมนุษย์

หลายคนบอกว่ารักพระเจ้า ... เราแน่ใจหรือไม่ว่าเราจะรักพระเจ้าได้อย่างที่เราพูด
บอกว่ารักพระเจ้า ... แต่ให้เศษเวลากับพระองค์ ไม่มีเวลา ไม่จัดเวลาให้กับพระเจ้า
บอกว่ารักพระเจ้า ... แต่ให้เศษเงินกับพระองค์
สิ่งที่ดีที่สุดเอาไว้ให้กับตัวเอง ที่เหลือจึงให้กับพระเจ้า คนลักษณะนี้ไม่มีทางที่ชีวิตจะมีคุณค่าสูงส่งได้
คุณค่าชีวิตจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเราศรัทธา รัก ผูกพัน เคารพและให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระเจ้า
ให้กับพระเจ้า ก็เท่ากับให้กับมนุษย์นั่นเอง

1.3 ตัวอย่างของการสละอย่างทรงคุณค่า
ก. สละขนมปังและปลา เพื่อให้พระเยซูเลี้ยงคนเป็นจำนวนมาก
มธ.15:32-38 ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มา ตรัสว่า "เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง" พวกสาวกทูลพระองค์ว่า "ในถิ่นทุรกันดารนี้ เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนมากเท่านี้ให้อิ่มได้" พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า "ท่านมีขนมปังกี่ก้อน" เขาทูลว่า "มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆสองสามตัว" พระองค์จึงสั่งประชาชนให้นั่งลงที่พื้นดินแล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อน และปลาเหล่านั้นมาโมทนาพระคุณแล้ว จึงทรงหักส่งให้เหล่าสาวกของพระองค์ เหล่าสาวกก็แจกให้ประชาชนและคนทั้งปวงได้รับประทานอิ่มทุกคน อาหารที่เหลือนั้น เขาเก็บได้เจ็ดตะกร้าผู้ที่ได้รับประทานอาหารนั้น มีผู้ชายสี่พันคนมิได้นับผู้หญิงและเด็ก
ในที่กันดารอาหาร สละทั้งหมดให้พระเยซู
ผล คือ สิ่งที่เขาสละแม้เป็นจำนวนน้อยนิด แต่สามารถเป็นพรต่อคนจำนวนมหาศาล
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

และได้เห็นถึงการอัศจรรย์ของพระเจ้า

ข. มารีย์ถวายน้ำหอมอย่างดี ชโลมพระองค์และเอาผมเช็ดพระบาท
ยน.12:3,7-8 มารีย์เอาน้ำมันหอมนารดาบริสุทธิ์หนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ซึ่งมีราคาแพงมากมาชโลมพระบาทพระเยซู และเอาผมของเธอเช็ดพระบาทของพระองค์ เรือนก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมันนั้น ...พระเยซูตรัสว่า “ช่างเขาเถิดให้เขาเก็บน้ำมันนี้ไว้จนถึงวันฝังศพของเราเพราะว่ามีคนจนอยู่กับท่านเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านเสมอ”
น้ำหอมอย่างดี คือ น้ำหอมที่นางมารีย์ต้องใช้เงินที่เธอมีทั้งหมดเพื่อที่จะซื้อมา
ยอมอด ยอมหิว ไม่ซื้อของเพื่อตัวเอง แต่เก็บเงินเพื่อซื้อให้กับพระเจ้า
จนพระองค์เก็บน้ำหอมนั้นไว้จนถึงวันฝังพระศพของพระองค์
ด้วยเหตุนี้ ข่าวประเสริฐของพระเจ้าแพร่ไปที่ใด ชื่อของมารีย์ก็แพร่ไปถึงที่นั่นด้วย
เพราะเธอได้สละอย่างสูงสุดให้กับพระเจ้า สละเพื่อคนที่เธอรัก คือ พระเจ้า
ใครทำ คนนั้นก็ได้ คือ ชีวิตมีคุณค่าสูงส่ง และมีประโยชน์สูงสุด

2. การสละ เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าสูงส่ง
การสละ ย่อมนำมาถึงซึ่งคุณค่าของชีวิต แต่ในการสละก็ยังต้องมีวิธีการสละที่ถูกต้อง ดังนี้
2.1 จะมีคุณค่าสูงส่ง ต้องสละด้วยใจยินดี
2คร.9:7 ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี
การสละ ที่ก่อให้เกิดคุณค่าสูงส่ง คือ สละ โดยไม่ฝืน ไม่ขืน ไม่ขม
แต่ยินดีที่พระเจ้าเห็นว่าเราเป็นประโยชน์
คนที่หว่านมาก ก็เก็บเกี่ยวมาก คนที่หว่านน้อย ก็เก็บเกี่ยวน้อย เป็นธรรมดา
แต่การหว่านมากหรือน้อยนั้น ไม่ได้อยู่ที่จำนวน แต่อยู่ที่น้ำใจ
เช่น คนมีเงิน 10,000 ถวาย 3,000 ถือว่า ถวาย 30%
คนมีเงิน 1,000 ถวาย 700 ถือว่า ถวาย 70% ... แม้จำนวนเงินคนแรกถวายมากกว่า แต่แท้จริงคนหลังถวายมากกว่า
การถวายให้พระเจ้า จึงไม่ได้หมายถึงปริมาณ แต่หมายถึงใจที่เราให้กับพระเจ้า
และสำคัญคือเมื่อถวายแล้ว อย่าคิดว่าเป็นบุญคุณ แต่ให้ถือเป็นพระคุณที่เรามีโอกาสใช้เรา
คนดีกว่าเรา เก่งกว่าเรา รวยกว่าเรามีมากมาย แต่พระเจ้าทรงใช้เรา
ดังนั้น เมื่อต้องสละ จึงต้องสละด้วยความชื่นชมยินดี

2.2 การสละ ด้วยใจ และด้วยความเข้าใจ จะมีความสุขในชีวิต
กจ.20:35 ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"
สละด้วยใจที่รักพระเจ้า และสละด้วยความเข้าใจว่าเราทำเพื่ออะไร
ระหว่าง “ให้เงิน” กับ “ให้ใจ” ... ให้ใจ ถือว่าให้มากกว่า เพราะเป็นการให้ทั้งหมดที่เขามี
งานพระเจ้าถ้าเรามีโอกาสทำ มีโอกาสถวาย มีโอกาสสละ ก็ขอให้ทำด้วยใจและด้วยความเข้าใจ
การให้เช่นนี้แหละที่จะส่งผลให้ชีวิตเรามีความสุข


คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

2.3 สละด้วยใจเมตตา จะรับพระกรุณาตอบจากพระเจ้า
มธ.5:7 บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบ
พระเยซูทรงเป็นตัวอย่างของความเมตตา พระองค์ไปที่ไหนเห็นใครก็ทรงสงสาร นี่คือใจอย่างพระองค์
ใครก็ตามที่สละ หรือให้ด้วยความเมตตา กรุณา มีใจอย่างพระองค์
ก็จะรับพระกรุณาตอบจากพระองค์เช่นกัน
หลักการให้นั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้มีมาก แต่เรามีอะไร แค่ไหนก็ให้เราให้แค่นั้น
ถ้ามีน้อย เรายังไม่สามารถให้ได้ ... เมื่อมีมาก เราก็ให้ไม่ได้เช่นกัน

2.4 ยิ่งสละ ยิ่งได้รับ ยิ่งรดน้ำ ยิ่งรับการรดน้ำ
สภษ.11:24-25 บางคนยิ่งจำหน่ายยิ่งมั่งคั่ง บางคนยิ่งยึดสิ่งที่ควรจำหน่ายไว้ยิ่งขัดสนก็มี บุคคลที่ใจกว้างขวางย่อมได้รับความมั่งคั่งบุคคลที่รดน้ำ เขาเองจะรับการรดน้ำ
สละ เป็นมากกว่าการให้ ... ใครสละได้ ผู้นั้นก็ให้ได้
แต่ไม่ได้หมายถึง ต้องสละ จนตัวเองเดือดร้อน
เราสละสิ่งที่เรามี เพื่อคนอื่นที่ไม่มี แต่ต้องสละ ให้ตัวเองอยู่ได้ด้วย
เพราะหากเราเดือดร้อน เราไม่มี เราจะช่วยผู้อื่นได้อย่างไร
เราต้องรักตัวเอง แต่ไม่เห็นแก่ตัว
พระวจนะศักดิ์สิทธิ์ กล่าวแล้วว่า ยิ่งแจกจ่าย ยิ่งมั่งคั่ง ยิ่งรดน้ำผู้อื่น เขาก็รับการรดน้ำจากพระเจ้าเช่นกัน
พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นความขลังของสวรรค์ เราหว่านอะไรก็จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น
คนที่ทำตามพระคัมภีร์ พระเจ้าจะดูแล

2.5 สละ เพื่อเห็นแก่พระเจ้าและข่าวประเสริฐ ชีวิตมีคุณค่าสูงมาก
มก.10:29-30 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา ในยุคนี้ ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่าคือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูกและไร่นา ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์
ผู้ใดได้ให้และสละเพื่อเห็นแก่พระเจ้าและข่าวประเสริฐ
สิ่งที่ให้เป็นผลต่อการขยายอาณาจักรพระเจ้า ชีวิตทรงคุณค่าสูง
เงื่อนไข คือ ต้องสละเพื่อพระเจ้า เพื่อสิ่งที่มีคุณค่า ไม่ใช่เพื่อเหรียญ เพื่อออกทีวี หรือเพื่อได้หน้า
เพราะการสละเช่นนั้น ไม่ได้รับพระพร

การถวายและสละเพื่อข่าวประเสริฐ เพื่อขยายอาณาจักรของพระเจ้า
เป็นการสละที่สูงส่งมาก แต่ก็รับผลมากเช่นกัน
เพราะทำให้อาณาจักรของพระเจ้า กล่าวคือ ความรักอย่างพระเจ้า ทัศนคติอย่างพระเจ้า มาตั้งอยู่ในใจคน
ยิ่งอยู่เพื่อพระเจ้ามากขึ้นเท่าไร จะยิ่งรับการเพิ่มเติมจากพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น
มธ.6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
ใครอยู่เพื่อความรัก ก็รับความรักตอบ ใครอยู่เพื่อผู้อื่นๆ ผู้อื่นก็อยู่เพื่อเขาเช่นกัน


คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

2.6 การสละที่สูงสุด และเป็นผลสูงส่ง คือ การสละชีวิต
รม.12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย
การสละที่ดีที่สุด คือ การสละชีวิต การให้ชีวิต
พระเจ้าให้เราถวาย ขณะที่มีชีวิตอยู่ คือ ในขณะที่มีเรี่ยวแรง มีกำลัง มีความกระตือรือร้น
ไม่ใช่ถวายตอนตาย หรือถวายขณะที่แก่ชราแล้ว
สละชีวิต ให้ชีวิต ถวายชีวิตให้กับพระเจ้า ไม่ได้หมายถึง ต้องละทิ้งอาชีพการงาน
ไม่ว่าเราจะหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบอาชีพใดก็ตาม เราก็ยังทำต่อไป
แต่จุดมุ่งหมายของเราไม่ได้อยู่ที่สิ่งนั้น เราอยู่เพื่ออาณาจักรพระเจ้า
ถ้าคริสเตียนทุกคนมีอุดมการณ์เช่นนั้น นรกในโลกก็กลายเป็นสวรรค์ได้
เราอาจจะไม่มีหลายสิ่ง เช่น ทรัพย์สินเงินทอง แต่สิ่งที่เรามีและสามารถให้ได้ทุกคน คือ “ชีวิต”

3. ข้อคิดในการเสียสละที่มีคุณค่าสูงส่ง
3.1 การเสียสละ คือ การให้มากกว่าที่เราทำได้
เมื่อความตายมาถึง เราจะรู้ว่าไม่สามารถเอาอะไรออกไปจากโลกได้
คนที่เสียใจที่สุดและเสียดายที่สุด คือ คนที่ไม่ได้ให้อะไรแก่ใครเลย คนที่ไม่เคยเสียสละเพื่อสิ่งใดเลย
การเสียสละ เป็นมากกว่าการให้ธรรมดา ... เพราะเป็นการให้มากกว่าที่เราสามารถทำได้
เราทุกคนมีที่จะให้ผู้อื่นเสมอ เช่น ให้เวลา ให้ทรัพย์ ให้ความสามารถ
และการให้เช่นนั้นแหละ ทำให้ชีวิตของเราเป็นแบบอย่าง และเป็นชีวิตที่ส่งผลกระทบถึงผู้อื่นในทางดี

3.2 ชีวิตที่สุขสบาย บำเหน็จรางวัล การพักผ่อน มีไว้สำหรับข้าราชสำนักที่อ่อนแอ
แต่อุปสรรค การเสียสละ ถูกสรรค์ไว้เพื่ออัศวินเท่านั้น
ใครๆ ก็สามารถพักผ่อนได้ ใครๆ ก็สามารถกิน เที่ยว เล่นสนุกได้
แต่ชีวิตเรามีมากกว่านั้น อุปสรรค การเสียสละ ทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่า
แม้เราไม่มีอะไร แต่เรามีชีวิต
ไม่ได้หมายถึง เราจะไม่พักผ่อน เราจะไม่กิน เราจะไม่สนุกสนาน
เราพักได้ กินได้ สนุกสนานได้ แต่เราไม่ได้อยู่เพื่อสิ่งเหล่านี้
เราอยู่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพระเจ้า ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ
คนที่จะเป็นขุนศึก และอัศวินของพระเจ้า ต้องกล้าฝ่าฟันอุปสรรค และต้องมีใจพร้อมเสียสละ
อย่าลืมว่าพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสถามเราอยู่เสมอว่า พระเจ้าจะทรงใช้ใคร? และผู้ใดจะไปแทนพระเจ้า (อสย.6:8)

3.3 ถ้าแก่ จงแก่อย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีประโยชน์
อย่าคิดว่าคนแก่ชรา จะไม่เป็นประโยชน์
ถ้าเราจะแก่ต้องแก่อย่างมีคุณค่า และต้องชราอย่างมีประโยชน์
ถ้าจะแก่ต้องแก่อย่างมะพร้าว อย่าแก่อย่างมะม่วง
ยิ่งแก่ เราต้องยิ่งเป็นประโยชน์ ต้องยิ่งเสียสละให้มากขึ้น
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

3.4 พึงระวัง ว่าการเสียสละและความดีของเราจะถูกคนเลวตามล่า และจะเป็นอาหารอันโอชะของหนอน
ถึงกระนั้น จงทำดีต่อไป ไม่เมื่อยล้า
กท.6:9 อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร
ความเสียสละ ความเมตตา และความดีของเรา บางครั้งก็ทำให้คนเลว คนเห็นแก่ตัวตามล่า
เราต้องระมัดระวัง แต่ไม่ระแวง ... และยังต่อทำดีต่อไปอย่าเมื่อยล้า
เพราะเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เราจะได้เก็บเกี่ยวผลของการดีที่เรากระทำ

3.5 โสเครติส กล่าวว่า ไม่สำคัญว่าจะมีชีวิตอย่างไร แต่สำคัญว่าจะใช้ชีวิตถูกต้องได้อย่างไร
ที่จริงการใช้ชีวิตก็สำคัญ แต่สำคัญกว่านั้น คือ ต้องใช้มันอย่างถูกต้อง
คนที่ไม่เสียสละ คนที่มีแล้วไม่รู้จักให้ ... คือ คนที่ใช้ชีวิตไม่ถูกต้อง
หลักการของพระเจ้า คือ คนที่แข็งแรงต้องอุ้มคนที่อ่อนแอ
เพราะคนที่อ่อนแอจะมีกำลังไปช่วยเหลือคนอื่นๆ ต่อไป

3.6 เพลโล กล่าวว่า ทองทั้งหมดบนโลก ไม่มีค่าเท่ากับความดี
ขุมทรัพย์ของกษัตริย์ในโลกมีมากมายมหาศาล แต่ทรัพย์สินทั้งหมดไม่ได้ทำให้คนมีคุณค่าขึ้น
สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด คือ ความดีที่เรากระทำ
เปาโล มีดี และใช้ความดีนั้น เพื่อสร้างคน สร้างอาณาจักรของพระเจ้า
นี่คืองานหลักของคริสตจักร สร้างคนให้เสียสละ สร้างคนให้อยู่เพื่อพระเจ้า อยู่เพื่อผู้อื่น

3.7 ความดีสูงสุด คือ การยืนหยัดในการทำดีโดยไม่ต้องมีคนรู้
ถ้าทำดีหรือเสียสละ เพื่อต้องการให้ผู้อื่นรู้ ... ไม่ใช่ความดีที่แท้จริง
ทำดีเพื่อมุ่งหวังโฆษณาความดีของตนเอง ... ก็ไม่ใช่คนดีที่แท้จริง
ความดีที่แท้จริง คือ ยืนหยัดทำดี แม้ไม่มีใครรู้
ทำดีแม้กระทั่งกับศัตรู ทำดีเพราะเป็นธรรมชาติของคนดี
มธ.5:43-48 ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า จงรักคนสนิท และเกลียดชังศัตรู ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่านทำดังนี้แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตก แก่คนชอบธรรมและคนอธรรมแม้ว่าท่านรักผู้ที่รักท่าน จะได้บำเหน็จอะไร ถึงพวกเก็บภาษีก็ยังกระทำอย่างนั้นมิใช่หรือเหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ
มธ.6:1-4 จงระวัง อย่ากระทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทำทานอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่าน เหมือนคนหน้าซื่อใจคด กระทำในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อให้คนสรรเสริญ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้วฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้นทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน

3.8 ความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นและประเทศชาติ
ความดีที่เราทำ สิ่งที่เราเสียสละ ต้องคิดเสมอว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและประเทศชาติหรือไม่
เพราะนั่นคือความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -7- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

3.9 ทุกคนทำความเดือนร้อนให้ผู้อื่นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำดีให้ผู้อื่นได้ เว้นแต่ลูกพระเจ้า
2ทธ.3:16-17 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรมเพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ถ้าคิดจะทำใครๆ ก็ทำได้ เพราะทำง่าย
สร้างความเดือดร้อน ไม่ต้องใช้แรงอะไรมาก เพราะมนุษย์เป็นคนบาปอยู่แล้ว
เช่น นินทา ไม่ต้องออกแรงมาก แค่มีลิ้น กับแรงริษยาก็สามารถทำได้
แต่การทำดี ทำยาก ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ... แต่ลูกพระเจ้าสามารถทำได้
เพราะเรามีพระเจ้าดี และเรามีพระวจนะที่ทำให้เราเป็นคนดี
พระวจนะของพระเจ้า จะปรับปรุงแก้ไขเราทุกวัน จนเรากลายเป็นคนดีพร้อมอย่างพระเจ้า
แม้ไม่มีใครสมบูรณ์ แต่ลูกพระเจ้าทุกคนกำลังก้าวไปสู่ความสมบูรณ์นั้น

3.10 การทำดี ก่อให้เกิดพลังแก่ตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
การทำดี ทำยากก็จริง แต่ก่อให้เกิดพลังอย่างมหาศาล
ไม่มีใครในโลกนี้ที่ทำดีแล้วทุกข์ ... ทำดีส่งผลให้เรามีความสุข
นอกจากเกิดพลังแก่ตนเองแล้ว ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นอีกด้วย
ได้ประโยชน์ทั้งสองด้าน คือ ตัวเองก็ได้ และผู้อื่นก็ได้
เห็นเราทำดีได้ คนอื่นๆ ก็อยากทำดีบ้าง หรือเราเห็นคนอื่นทำดี เราย่อมอยากทำดีบ้าง
คนอ่อนแอ ก็แข็งแรงได้ คนไม่ดี ก็ดีได้ ถ้ามีพลังและแรงบันดาลใจ
มธ.5:16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
ฮบ.13:16 จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
คนจะเห็นความดีของเราได้ เราต้องลงมือ “ทำ” คนจึงจะเห็น
และเราต้องให้คนอื่นบอกกับเราได้ว่า “พระเจ้าของเราดีจริง” เพราะเห็นการดีในชีวิตของเรา
การดีที่เราทำ เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย

4. ชีวิตที่มีคุณค่าสูงส่ง ส่งผลให้มีประโยชน์สูงสุด
เปาโล สละสิ่งสารพัด เพื่อได้พระเจ้า นั่นคือ คุณค่าสูงส่ง และประโยชน์สูงสุด
เมื่อสละแล้ว ผลลัพธ์ คือ ได้

4.1 ได้พระคริสต์ คือ ได้ใจ ได้ความโปรดปราน ได้พระพรจากพระเจ้า
สดด.37:23-26 ถ้าพระเจ้าทรงนำย่างเท้าของมนุษย์คนใด และคนนั้นพอใจในมรรคาของพระองค์ แม้เขาล้ม เขาจะไม่ถูกเหวี่ยงลงเหยียดยาวเพราะว่าพระหัตถ์พระเจ้าพยุงเขาไว้ข้าพเจ้าเคยหนุ่ม และเดี๋ยวนี้แก่แล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง หรือลูกหลานของเขาขอทานเขาแจกจ่ายอย่างกว้างขวางและให้ยืมเสมอ และลูกหลานของเขาก็เป็นคำพร
สภษ.16:17 เมื่อทางของมนุษย์เป็นที่โปรดปรานแก่พระเจ้าแม้ศัตรูของเขานั้นพระองค์ก็ทรงกระทำให้คืนดีกับเขาได้


คำเทศนา อาทิตย์ที่ 1 มี.ค. 09 “รอบเช้า” -8- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน

4.2 ได้ปรากฏอยู่ในพระเยซูเจ้า
ฟป.3:9 และจะได้ปรากฏอยู่ในพระองค์ ไม่มีความชอบธรรมของข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มีมาโดยความเชื่อในพระคริสต์ เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ

4.3 ได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น นี่คือความสูงส่งและประโยชน์สูงสุด
2ทธ.1:12 เพราะเหตุนั้นเองข้าพเจ้าจึงได้ทนทุกข์ลำบากเช่นนี้ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอายเพราะว่าข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าได้เชื่อ และข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับพระองค์จนถึงวันพิพากษาได้

No comments:

Post a Comment