Saturday, March 26, 2011

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 8

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -50-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 8

2ทธ.4:3-5          เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก เขาจะเลิกฟังความจริง และจะหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
            การเข้าใจ และเข้าถึงคำสอนอันมีหลัก จะทำให้ชีวิตคริสเตียนมีหลัก และส่งผลให้การรับใช้พระเจ้าเกิดผล เราจะไม่ถูกซัดไปเซมา หรือหันไปเหมา เพราะลมปากของมนุษย์ แต่เราจะมีจุดยืนบนพระวจนะของพระเจ้า

คำสอนอันมีหลัก ตอน 8 ว่าด้วยเรื่อง “คริสตจักรของพระเจ้า” (ต่อ)
1. คริสตจักรของพระเจ้า มีความสำคัญอย่างไร?
2. คริสตจักรของพระเจ้า มีเพียงคริสตจักรเดียว
3. ผู้สร้าง เจ้าของและผู้ที่ใหญ่ที่สุดในคริสตจักร คือ พระเยซูคริสต์
4. พระเจ้ามอบภารกิจทั้งหมดของพระองค์ให้คริสตจักรทำแทน
5. พันธกิจหลักของคริสตจักร
6. คริสตจักรในพระดำริ มีลักษณะอย่างไร
6.1 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียก
6.2 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียกให้ออกมาจากความมืด
6.3 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียกให้มารวมตัวกันในความสว่าง
6.4 เป็นกลุ่มชนที่รวมตัวกันรับใช้พระเจ้า
(สอนไปแล้วในตอนที่ 2-7)

6.5 เป็นกลุ่มชนที่รวมตัวกันเพื่อประกาศพระบารมีของพระเจ้า
ลักษณะสุดท้ายของคริสตจักรในพระดำริ คือ ต้องเป็นกลุ่มชนที่รวมตัวกันเพื่อประกาศพระบารมีพระเจ้า
พระบารมีของพระเจ้า เราต้องประกาศ ไม่ใช่เก็บไว้เฉยๆ
คส.1:28             พระองค์นั้นแหละเราประกาศอยู่ โดยเตือนสติทุกคนและสั่งสอนทุกคนให้มีสติปัญญาทุกอย่าง เพื่อจะได้ถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์
ประกาศ หมายถึง ประกาศพระราชโองการของพระเจ้า ประกาศเกียรติคุณของพระเจ้า
คริสเตียนที่รวมตัวกัน แต่ไม่ได้ประกาศพระบารมีพระเจ้า ไม่ใช่ คริสตจักร เป็นเพียง สมาคม เท่านั้น

คริสตจักร ไม่เพียงต้องประกาศคุณงามความดีของพระเจ้าเท่านั้น
แต่ต้องประกาศคุณงามความดีคนของพระเจ้าด้วย เพื่อเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระองค์
ลูกพระเจ้า ต้องให้ผู้คนเห็นพระสิริของพระเจ้าผ่านทางชีวิตของเขา
ยน.1:14             พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -51-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เราได้เห็นพระสิริของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์
ผู้คนก็ต้องเห็นพระสิริของพระเจ้า ผ่านทางชีวิตของเราเช่นกัน
เพราะเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของคริสตจักร คือ การให้ผู้คนได้สรรเสริญในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
คนจะสรรเสริญพระเจ้าได้ เมื่อเห็นความดีของพระเจ้าผ่านชีวิตของเรา

ก. ทำไมเราต้องประกาศพระบารมีพระเจ้า
หลายคนข้องใจสงสัยว่าทำไมคริสเตียนต้องประกาศเรื่องพระเจ้า
ถ้าพระเจ้าดีจริง ทำไมต้องประกาศ ทำไมไม่รอให้คนเข้ามาหาพระเจ้าเอง
แต่หลักการของเรา เพราะมี ของดี ต่างหาก ที่ทำให้เราต้องบอกต่อ
เราพบของดี เราพบความยิ่งใหญ่ เราพบความรักความเมตตาจากพระเจ้า
เราจึงต้องประกาศให้คนอื่นพบด้วย
คำสั่งของพระเจ้า คือให้เราประกาศกับมนุษย์ ทุกคน และต้องประกาศไป ทั่วโลก
มก.16:15           ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน
การประกาศ เล็งให้เห็นว่า พระเจ้าพร้อมให้มนุษย์ทุกคนพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า

(1) เพราะพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่สูงสุด
1คร.15:28          เมื่อสิ่งสารพัดถูกปราบให้อยู่ใต้พระองค์แล้ว เมื่อนั้นองค์พระบุตรก็จะอยู่ใต้พระเจ้า ผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้อยู่ใต้พระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง
พระเจ้าทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง
นี่เป็นเหตุให้เราต้องประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าให้ทุกคนทราบ

วว.1:7               ดูเถิดพระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆ และนัยน์ตาทุกดวง และคนเหล่านั้นที่ได้แทงพระองค์จะเห็นพระองค์ และมนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะร่ำไห้เพราะพระองค์ จะเป็นไปอย่างนั้น อาเมน
ในวันสุดท้าย ทั่วโลกจะร่ำไห้เพราะพระเยซูคริสต์
มนุษย์กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ก็หวังว่าในวันสุดท้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจะช่วยเขา
แต่ความจริงในวันสุดท้าย ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์การพิพากษา คือ พระเยซูคริสต์เท่านั้น
เมื่อผู้คนเห็นว่าเป็นพระเยซูคริสต์ จึงต้องร่ำไห้ เสียใจที่ไม่ได้เชื่อในพระองค์
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องประกาศ เพื่อไม่ให้โลกต้องเสียใจ และไม่ให้ใครต่อว่าเราได้

วว.22:13            เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน
พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่สูงสุด ทุกอย่างเริ่มต้นที่พระเจ้าและจบลงที่พระองค์

คส.1:15-20         พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -52-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เพราะว่าในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่
ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครองหรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้น โดย
พระองค์และเพื่อพระองค์พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกาย คือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นปฐม เป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวงเพราะว่าพระเจ้าทรงพอพระทัย ที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นธำรงในพระองค์และโดยพระองค์ ให้สิ่งสารพัดกลับคืนดีกับพระเจ้า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในแผ่นดินโลกหรือในสวรรค์ พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพด้วยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์
ความเชื่อของมนุษย์มีมากมาย มีหลายทฤษฎีที่ว่าโลก มนุษย์ สัตว์ พืชวิวัฒนาการมาจากสิ่งต่างๆ
แต่คริสเตียน เชื่อว่าสรรพสิ่งมาจากพระเจ้า และดำรงอยู่ได้โดยพระเจ้าเท่านั้น
เราเคารพทุกความเชื่อ แต่ต้องตระหนักว่า ไม่ใช่ทุกความเชื่อจะเป็นความจริง
หลักการพิสูจน์ความจริงจากพระวจนะของพระเจ้า ตาม ยน.14:6
อะไรที่เป็นความจริง จะต้องมีหนทาง ไม่ใช่เป็นทางตัน เชื่อแล้วตัน ทำแล้วตัน
อะไรที่เป็นความจริง จะเป็นชีวิต ไม่ใช่ความตาย ทำตามแล้วต้องเจริญ ไม่ใช่เสื่อม

ดร.บิลลี่ เกรแฮม นักเทศน์ฟื้นฟูระดับโลก กล่าวว่า
ถ้าพระเจ้าองค์นี้สิ้นพระชนม์ โลกและสรรพสิ่งในโลกใบนี้จะละเอียดเป็นผุยผง
แต่ทุกอย่างดำรงอยู่ได้ เพราะพระเจ้าของเรายังทรงพระชนม์อยู่
พระเจ้าเป็นที่สุดของทุกสิ่ง ไม่ว่าเราจะไปไหน ทำอะไร ก็ไม่สามารถหนีพระเจ้าพ้น
นี่แหละ เป็นเหตุให้เราต้องประกาศพระบารมีของพระเจ้าให้มนุษย์ทุกคน

(2) เราประกาศ เพื่อพระเกียรติจะเป็นของพระเจ้าแด่เพียงผู้เดียว
คริสเตียน ประกาศพระบารมีของพระเจ้า เพื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง
ไม่ว่าเราจะประกาศโดยสิ่งใดก็ตาม ไม่ใช่แสวงหาเกียรติให้ตนเอง แต่เพื่อให้พระเจ้าได้รับเกียรติ
อฟ.3:20             ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ กระทำสารพัดมากยิ่งกว่าที่เราจะทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่ประกอบกิจอยู่ภายในตัวเรา
เราเป็นได้ เรามีได้ทั้งหมด ก็เพราะพระเจ้าทรงอวยพรและนำพา

อฟ.3:18-19        ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึกคือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
เราประกาศก็เพื่อให้คนเข้าใจถึงความกว้าง ความสูง และความไพบูลย์ของพระเจ้า
พระเจ้าให้เราทำสำเร็จมากเกินกว่าที่เราและคิดได้
เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่พระเจ้าเป็นทั้งหมดของทุกสิ่ง
เราต้องประกาศให้พระเจ้าได้รับเกียรติแด่เพียงผู้เดียว


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -53-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ข. เราจะประกาศพระบารมีของพระเจ้าอย่างไร จึงจะดีโดดเด่นและดีเลิศ
การประกาศพระบารมีของพระเจ้านั้น จะประกาศแบบพอใช้หรือแบบธรรมดาไม่ได้
เพราะพระเจ้าของเราพิเศษ เราต้องประกาศอย่างดีโดดเด่นและดีเลิศ เพื่อให้พระเจ้ารับเกียรติ

(1)  ประกาศด้วยการทำดีให้มากๆ ไม่ใช่การทำดีธรรมดา
สำหรับพระเจ้า เราต้องทำดีให้มาก ต้องทำดีให้พิเศษ
เพื่อเมื่อเขาเห็นความดีที่เรากระทำ เขาจะได้สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาของเรา
มธ.5:16             ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
ไม่ว่าเราจะทำหน้าที่อะไร เช่น พ่อแม่ ลูก สามีภรรยา เจ้านาย ลูกน้อง ฯลฯ ทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด
และเมื่อสุดกำลังของเรา ก็จะเข้าสู่กำลังของพระเจ้า พระองค์จะทรงอวยพรเราเสมอ

1ทธ.6:18-19       จงกำชับให้เขากระทำดี ให้กระทำดีมากๆให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัว อย่างนี้ จึงจะเป็นการวางรากฐานอันดีไว้สำหรับตนเองในภายหน้า เพื่อว่าเขาจะได้รับเอาชีวิต ซึ่งเป็นชีวิตอันแท้จริง
พระเจ้ากำชับให้คนมั่งมี และประสบความสำเร็จในโลก ให้เขาทำดีและทำดีให้มากๆ

2ทธ.3:17           เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
คนของพระเจ้า ต้องพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
แต่คนจะพรักพร้อมในการกระทำดีได้ วุฒิภาวะต้องสูง ต้องรับการสร้างจากพระวจนะของพระเจ้า

ทต.2:14             ผู้ได้ทรงโปรดประทานพระองค์เองให้เรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากการอธรรมทุกอย่าง และทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เป็นหมู่ชนพิเศษเฉพาะของพระองค์ และเป็นคนที่ขวนขวายกระทำการดี
เราเป็นหมู่ชนพิเศษเฉพาะของพระองค์ พระเจ้าทรงแยกเราไว้พิเศษสำหรับพระเจ้า
เราเป็นธรรมิกชนที่พระเจ้าทรงแยกไว้ให้ขวนขวายทำดี
ทำพิเศษถวายให้พระเจ้าโดยเฉพาะ ทำดีแล้ว หาทางทำดีให้มากขึ้น
ทำดีอย่างพิเศษ ทำดีอย่างโดดเด่น ทำดีอย่าเฉพาะเจาะจง เพราะเราเป็นลูกของพระเจ้า

รม.16:19           การซึ่งท่านทั้งหลายได้เชื่อฟังก็เลื่องลือไปถึงหูคนทั้งปวงแล้ว ข้าพเจ้าจึงมีความยินดีเพราะท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านเชี่ยวชาญในการดี และให้เป็นคนทึ่มในการชั่ว
ลูกพระเจ้า ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำดี และทึ่มในการชั่ว
เราต้องทำความดีจนเชี่ยวชาญ จนกลายเป็นธรรมชาติชีวิตของเรา
ความดีของลูกพระเจ้า ต้องดีอย่างชาวสวรรค์
คือ ไม่เพียงไม่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น แต่เรื่องที่ผิดคุณธรรม แม้ถูกกฎหมายเราก็ไม่ทำ



คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -54-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

(2) ประกาศด้วยชีวิตของเรา
2คร.2:14-15       แต่ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงนำเราเสมอมาโดยพระคริสต์ด้วยความมีชัย และทรงโปรดประทานกลิ่นหอมแห่งความรู้ของพระองค์ ให้ปรากฏด้วยตัวเราทุกแห่งเพราะว่าเราเป็นกลิ่นอันหอมหวาน ที่พระคริสต์ถวายพระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด และคนที่กำลังประสบความพินาศ
ชีวิตของเราต้องเป็นกลิ่นหอม เป็นที่ชื่นใจ ไม่ใช่เป็นที่อิดหนาระอาใจ
พระคริสต์นำเราด้วยความมีชัย ... เราต้องมีชัยชนะ ไม่ใช่พ่ายแพ้
แม้กระทั่งเงิน เราก็ต้องชนะมันให้ได้ ต้องเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสมัน
เงินอยู่ในมือใครก็เป็นพร แต่ถ้าเงินอยู่ในใจใครจะกลายเป็นเพลิง
คนของพระเจ้า ถ้าจะมี ต้องมีเพื่อให้ ไม่ให้มีเพื่ออวด หรือมีเพื่อฟุ่มเฟือย

2คร.3:2-3           ท่านเองเป็นหนังสือของเราจารึกไว้ที่ดวงใจของเรา ให้คนทั้งปวงได้รู้และได้อ่าน ท่านปรากฏเป็นหนังสือของพระคริสต์ ซึ่งเราได้เขียนไว้มิใช่ด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และมิได้เขียนไว้ที่แผ่นศิลา แต่เขียนไว้ที่แผ่นดวงใจมนุษย์
เราต้องประกาศพระบารมีของพระเจ้าผ่านชีวิตของเรา
ผ่านทัศนคติของเรา ผ่านความคิดของเรา ผ่านคำพูดของเรา ให้คนเห็นพระเจ้าในสิ่งเหล่านั้น

(3) ประกาศด้วยการทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด
ไม่ว่าเราจะประกาศด้วยคำพูด หรือประกาศด้วยชีวิต
เราต้องทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด ทำอย่างดีเลิศ ทำอย่างดีโดดเด่น
ถ้ามีบ้านเล็ก หรือมีงานเล็กๆ ต้องเล็กอย่างมีคุณภาพ  
อะไรก็ตามที่อยู่ในมือเรา สิ่งนั้นต้องมีคุณค่า สิ่งนั้นต้องดีที่สุดถวายเกียรติพระเจ้า

ตัวอย่างพระวจนะในการทำดีที่สุด
วว.21:2              ข้าพเจ้าได้เห็นวิสุทธนคร คือนครเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี
ถ้าผู้คนจะต้องเห็นเรา ให้เขาเห็น วิสุทธนคร ของพระเจ้าเลื่อนลอยลงมา
ให้เขาเห็นเราเหมือน เจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี
วันที่ผู้หญิงสวยที่สุด คือ วันแต่งงาน วันที่เป็นเจ้าสาว ทุกอย่างต้องพิถีพิถัน
ชีวิตของผู้เชื่อก็เช่นกัน ต้องพิถีพิถันขนาดนั้นถวายให้กับพระเจ้า
ชีวิต ความคิด การทำงาน กิริยามารยาท คำพูด การกระทำ ต้องพิถีพิถันและต้องดีที่สุดเพื่อพระเจ้า
คนดีของพระเจ้า คือ คนดีที่กระทำความดี

วว.19:8              ทรงโปรดให้เจ้าสาวสวมผ้าป่านเนื้อละเอียดใสบริสุทธิ์ เพราะผ้าป่านเนื้อดีนั้นได้แก่ การประพฤติอันชอบธรรมของพวกธรรมิกชน

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -55-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เจ้าสาวสวมผ้าป่านเนื้อละเอียด คือ สวมความประพฤติอันดีงาม
ทำดีอยู่แล้ว ต้องทำดีให้มากขึ้น ทำดีให้กว้างขึ้น ทำดีให้ลึกขึ้น ทำดีให้ละเอียดขึ้น
สิ่งเหล่านี้พระเจ้ารู้ดีว่ามันยากสำหรับมนุษย์ พระเจ้าจึงหนุนใจเราเสมอว่า อย่าเมื่อยล้าในการทำดี
กท.6:9              อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร
การทำดีอย่างละเอียด แม้เหนื่อย แม้ท้อ แม้ล้า แต่ผลของมันคุ้มค่าที่เราจะทำ

เมื่อเราทำสุดกำลังของเราแล้ว ที่เกินกำลังจะเข้าสู่กำลังของพระเจ้า
เงื่อนไข คือ เราต้องทำสุดกำลังของเราก่อน
สัตย์ซื่อในสิ่งที่เรามีอยู่ก่อน แล้วพระเจ้าจะเพิ่มเติมในส่วนที่เรายังขาดอยู่
ศคย.4:6-7          แล้วท่านจึงตอบข้าพเจ้าว่า "นี่เป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ให้ไว้กับเศรุบบาเบลว่า มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุ ภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ  โอ ภูเขาใหญ่ เจ้าเป็นอะไรเล่า ต่อหน้าเศรุบบาเบล เจ้าจะเป็นที่ราบและท่านจะนำศิลาก้อนที่อยู่ยอดออกมา ท่ามกลางการโห่ร้องว่า "งามจริง พระวิหาร งามจริง"
มธ.25:21,29       นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด", ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา
ภูเขาใหญ่ คือ  ปัญหาใหญ่
บาปบางอย่าง นิสัยไม่ดีบางอย่าง ยากที่จะแก้ไข และสุดกำลังที่เราจะแก้ไข แต่ด้วยกำลังของพระเจ้า
พระวิญญาณของพระเจ้า เราจะสามารถผ่านพ้นทุกปัญหาไปได้

(4) ประกาศโดยการตั้งเป้าหมายสู่ความดีเลิศ
ไม่มีมนุษย์คนใดดีเลิศ เราทุกคนมีความบกพร่องที่ต้องแก้ไขไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
แต่เราต้องมีเป้าหมายสู่ความดีเลิศ ทั้งชีวิต หน้าที่การงานและความรับผิดชอบ
ฟป.1:24-25        แต่การที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ในร่างกายนี้ก็จำเป็นมากสำหรับพวกท่านเมื่อข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ทราบว่าข้าพเจ้าจะยังอยู่ คืออยู่กับท่านเพื่อให้ท่านจำเริญขึ้นและชื่นชมยินดีในความเชื่อ
ชีวิตของ อ.เปาโล เป็นชีวิตแห่งความดีเลิศ
ชีวิตของท่านมีความจำเป็นมากสำหรับคริสตจักร ... คริสตจักรขาดเปาโลไม่ได้
ท่านเป็นคนเดียวที่บุกเบิกก่อตั้งคริสตจักรในต่างชาติ และสามารถแตะคนได้ทุกระดับ

เราจะสามารถประกาศพระบารมีของพระเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อเราสร้างตัวเองให้กลายเป็นผู้ชำนาญการในด้านต่างๆ
สร้างคุณภาพชีวิต คุณภาพความรู้ คุณภาพการงานให้คนรอบข้างหรืองานขาดเราไม่ได้ ...
แต่ไม่ใช่บนพื้นฐานของการอวดดีหรืออวดเก่ง เราไม่ยกตนข่มท่าน แต่เรายกพระเจ้า
เรามีเป้าหมายชีวิตที่ดีที่สุด เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -56-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

การดีเลิศนั้น ไม่เพียงดีเลิศด้านการทำงานเท่านั้น แต่ต้องดีเลิศด้านความรักเมตตาด้วย
ยน.13:34-35      เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้นถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกันดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา
พระเจ้าจะรับเกียรติ ผ่านการปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์
เราต้องโดดเด่นในความรัก ในความเมตตา และความเข้าใจผู้อื่น

(5) ประกาศผ่านความดีเลิศ และดีโดดเด่นระดับโลก
มธ.5:14-15        ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น
เราต้องประกาศผ่านชีวิตที่ดีโดดเด่นระดับโลกของเรา
คือ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ส่วนใดของโลก ก็โดดเด่น ถวายเกียรติพระเจ้า
การโดดเด่นนั้น ต้องเริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ คือ เริ่มต้นดีโดดเด่นในบ้านก่อน
แล้วจึงค่อยดีออกไปนอกโลก ถ้าในบ้านเราไม่ดี นอกบ้านเราก็ดีไม่ได้ หรือดีได้ ก็ไม่ใช่ตัวจริง

คนในโลกแตกต่างกันในหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ไม่แตกต่าง คือ ความดี
หลายคนจะถกเถียงกันในเรื่องหลักข้อเชื่อ ว่าอะไรดีกว่าอะไร
แต่เรื่องชีวิตดี ไม่มีใครเถียงได้ ... และชีวิตที่ดีเลิศ จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนให้มาหาพระเจ้า

ค. เราจะประกาศพระบารมีของพระเจ้าได้ดี ต้องยอมรับการสร้าง
การที่เราจะสามารถประกาศพระบารมีของพระเจ้าได้ดี และเป็นรูปธรรม
ผู้คนจับต้องมองเห็นได้ ทั้งชีวิต คำพูด และการกระทำ
คนๆ นั้นจะต้องรับการสร้าง รับการถักทอ รับการก่อจากผู้รับใช้ที่พระเจ้าเจิมไว้
พ่อแม่ทุกคนเลี้ยงลูก แต่น้อยคนสร้างลูก
การเลี้ยง ทำให้ร่างกายเขาเติบโต แต่การสร้าง ทำให้คุณธรรมของเขาเติบโต
ลูกจะดีหรือไม่ดี อยู่ที่พ่อแม่สร้างเขาอย่างไร ?
ลูกของพระเจ้าก็เช่นกัน จะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นกับว่าเรายอมรับการสร้างจากผู้รับใช้มากแค่ไหน?

อฟ.2:20             ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก
ชีวิตของเรา ต้องอยู่บนคำสอนของพระเจ้า ไม่ใช่อยู่บนความคิดของตัวเอง
พระเจ้าเรามองไม่เห็น แต่ทุกอักษรในพระคัมภีร์ เราจับต้องมองเห็นได้

1คร.3:10            โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น ขอทุกคนจงระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -57-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เปาโล เป็นผู้รับใช้ที่วางรากฐานและก่อชีวิตของผู้เชื่อขึ้นเพื่อถวายให้กับพระเจ้า
การก่อชีวิตคน ก็เหมือนการก่อตึก ต้องวางอิฐทีละก้อนๆ
และอิฐแต่ละก้อนต้องยอมให้ผู้รับใช้ก่อด้วย จึงจะสามารถสร้างตึกที่สวยงามได้
ตึก ประกอบด้วย กองอิฐ แต่ กองอิฐ ไม่ใช่ ตึก
คริสตจักร ประกอบด้วย คริสเตียน แต่ กองคริสเตียน ไม่ใช่ คริสตจักร
คริสเตียน ต้องยอมให้พระเจ้าก่อ (ผ่านผู้รับใช้ของพระองค์) ชีวิตเราจึงจะงดงาม
และสามารถประกาศพระบารมีของพระเจ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม

การถักทอชีวิตคน ก็เหมือนการถักทอผ้าผืนงาม
ผ้าประกอบด้วยเส้นด้ายมากมาย แต่กองด้ายไม่ใช่ผืนผ้า
ผ้าจะงาม ต้องถูกถักทอ ชีวิตคนจะงามได้ ก็ต้องผ่านการถักทอชีวิตจากผู้ชำนาญ

กท.4:19             ลูกน้อยของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าต้องเจ็บปวดเพราะท่านอีก จนกว่าพระคริสต์จะได้ทรงก่อร่างขึ้นในตัวท่าน
ผู้ชำนาญการในการถักทอชีวิตของผู้เชื่อ คือ ผู้รับใช้พระเจ้า
กว่าเปาโลจะสร้างความคิด ทัศนคติอย่างพระเจ้าให้เกิดขึ้นในผู้เชื่อ
ท่านต้องเจ็บปวดอย่างมากมาย ต้องยอมจ่ายราคาสูง จึงจะได้ผ้าผืนงามนั้นถวายพระเจ้า

กจ.20:20           และสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิได้ปิดซ่อนไว้ แต่ได้ชี้แจงให้ท่านเห็น กับได้สั่งสอนท่านในที่ประชุม และตามบ้านเรือน
หนึ่งในขบวนการสร้างคนให้มีคุณภาพ สร้างลูกพระเจ้าให้สามารถประกาศพระบารมีของพระเจ้าได้
คือ การสอน การชี้แจง การไม่ปิดบังสิ่งใดใดๆ
แต่ในการสอนนั้น ก็ต้องสอนอย่างมีศิลปะ เพื่อให้คนเห็นคุณค่าของคำสอนด้วย
ผู้รับใช้ต้องรับชีวิตของคนมาปั้น ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ทั้งนี้จะสวยหรือไม่สวย ขึ้นกับเรายอมให้ผู้รับใช้ปั้นชีวิตของเราหรือไม่

กจ.20:26           เหตุฉะนั้นวันนี้ข้าพเจ้ายืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า ท่านทุกคนจะเป็นหรือตาย ข้าพเจ้าก็พ้นโทษแล้ว
เมื่อผู้รับใช้ทำหน้าที่ของท่านอย่างดีที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบกับพระเจ้าอีกต่อไป
ตัวเราต่างหากที่จะต้องรับผิดชอบกับพระเจ้าเอง

No comments:

Post a Comment