Saturday, March 26, 2011

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 7

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -44-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 7

2ทธ.4:3-5          เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก เขาจะเลิกฟังความจริง และจะหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
            การเข้าใจ และเข้าถึงคำสอนอันมีหลัก จะทำให้ชีวิตคริสเตียนมีหลัก และส่งผลให้การรับใช้พระเจ้าเกิดผล เราจะไม่ถูกซัดไปเซมา หรือหันไปเหมา เพราะลมปากของมนุษย์ แต่เราจะมีจุดยืนบนพระวจนะของพระเจ้า

คำสอนอันมีหลัก ตอน 7 ว่าด้วยเรื่อง “คริสตจักรของพระเจ้า” (ต่อ)
1. คริสตจักรของพระเจ้า มีความสำคัญอย่างไร?
2. คริสตจักรของพระเจ้า มีเพียงคริสตจักรเดียว
3. ผู้สร้าง เจ้าของและผู้ที่ใหญ่ที่สุดในคริสตจักร คือ พระเยซูคริสต์
4. พระเจ้ามอบภารกิจทั้งหมดของพระองค์ให้คริสตจักรทำแทน
5. พันธกิจหลักของคริสตจักร
6. คริสตจักรในพระดำริ มีลักษณะอย่างไร
6.1 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียก
6.2 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียกให้ออกมาจากความมืด
6.3 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียกให้มารวมตัวกันในความสว่าง
(สอนไปแล้วในตอนที่ 2-6)

6.4 เป็นกลุ่มชนที่รวมตัวกันรับใช้พระเจ้า
1คร.3:9             เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์
จะเป็นคริสตจักรในพระดำริของพระเจ้าไม่ได้ ถ้ากลุ่มชนไม่รวมตัวกันเพื่อรับใช้พระเจ้า
การรวมตัวเพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ไม่ได้เป็นการรับใช้ ไม่ถือว่าเป็นคริสตจักร แต่เป็นสมาคม
ในกองทัพของพระเจ้า ทุกคนต้องร่วมกันทำงาน ไม่ใช่มาเฝ้าดู หรือนั่งดู
เราทั้งหลายร่วมกันทำงาน ไม่ใช่ขัดแย้ง หรือขัดขากันในการทำงาน

ก. ในคริสตจักร ทุกคนต้องร่วมกันรับใช้พระเจ้า
คส.1:28             พระองค์นั้นแหละเราประกาศอยู่ โดยเตือนสติทุกคนและสั่งสอนทุกคนให้มีสติปัญญาทุกอย่าง เพื่อจะได้ถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์
พระวจนะตอนนี้ ย้ำคำว่า ทุกคน ถึง 3 ครั้ง
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครในอาณาจักรของพระเจ้า ทุกคน ต้องมีหน้าที่รับใช้พระเจ้า
คริสตจักร มีหน้าที่สร้างทายาท สร้างคนของพระเจ้าให้เป็นผู้แทนของพระองค์
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -45-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

อาณาจักรสวรรค์ เป็นที่ทำงาน ไม่เหมาะสมกับคนเกียจคร้าน ไม่ทำงาน

1ปต.4:10           ตามซึ่งทุกคนได้รับของประทานที่ทรงประทานให้แล้ว ก็ให้ใช้ของประทานนั้นเพื่อประโยชน์แก่กันและกัน เป็นผู้รับมอบฉันทะที่ดี ที่แจกและสำแดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า
พระวจนะตอนนี้ มีความสำคัญ 3 ประการ
(1) ทุกคนได้รับของประทานจากพระเจ้า
ไม่มีใครสักคนที่ไม่ได้รับของประทานจากพระเจ้า ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้ออ้างในการปฏิเสธงานรับใช้
และในของประทานนั้น มีทั้งของประทานทางธรรมชาติ คือ ความเก่งและความถนัดส่วนตัว
(พรสวรรค์ที่เกิดมาพร้อมแต่ละคน เช่น การเล่นดนตรี การทำงานศิลปะ เป็นต้น)
และของประทานฝ่ายวิญญาณ ที่พระเจ้าจะประทานให้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนงานรับใช้ของเรา

(2) ทุกคนต้องใช้ของประทานนั้นให้เกิดประโยชน์
ของประทานที่พระเจ้าทรงประทานให้ ไม่ใช่มีไว้เพื่อเก็บ หรือเพื่ออวด
แต่เพื่อเป็นประโยชน์ร่วมกันในอาณาจักรของพระเจ้า
เราจะไม่ใช่ของประทานเพื่อทำร้าย หรือทำลายกัน

(3) ทุกคนต้องสำแดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า
พวกเราทั้งหมด เป็นเครื่องมือของพระเจ้า
ในการสำแดงพระคุณนานาประการของพระองค์ให้โลกให้
เราต้องอธิษฐานขอให้ให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จผ่านงานรับใช้ของเรา

ข. เมื่อเราได้รับใช้พระเจ้า เราจะไม่อับอายทั้งในปัจจุบัน อนาคตและนิรันดร์กาล
สำหรับคริสเตียน มี อ.อ่าง 2 ตัวที่ต้องระวังให้ดี นั่นคือ อ.อวด และ อ.อาย
คริสเตียนอวดได้ ภาคภูมิใจได้ เมื่อเราได้รับใช้พระเจ้า
แต่เราจะรับความอับอายขายหน้า เมื่อเราไม่ได้มีส่วนในราชกิจของพระองค์

ฟป.2:16                        จงยึดมั่นในพระวาทะแห่งชีวิต เพื่อข้าพเจ้าจะมีที่อวดในวันของพระคริสต์ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งเปล่าๆ และไม่ได้ทำงานโดยเปล่าประโยชน์
เราต้องยึดมั่นในพระวจนะของพระเจ้า ต้องทำตามที่พระเจ้าสอน
ถ้าเราไม่ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า เราก็ไม่มีที่อวดในวันของพระคริสต์
คนที่รับใช้พระเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์ เขาก็มีที่อวด
แต่เราจะอวดไม่ได้ ถ้าเราไม่รับใช้ ตรงกันข้าม เรากลับจะได้รับความอับอาย
ไม่ใช่อับอายในนิรันดร์เท่านั้น แต่อับอายตั้งแต่ปัจจุบัน
ในขณะที่คนอื่นรับใช้ เราอยู่เฉยๆ คนอื่นเหนื่อย แต่เราสบาย

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -46-                                          โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ลึกๆ เราจะรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้มีส่วนในการรับใช้พระองค์

2คร.5:10            เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฎตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้แล้วแต่จะดีหรือชั่ว
จำไว้ว่า เราทุกคนต้องปรากฎตัวต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า
ถ้าเราทำไม่ดี เราก็ถูกตำหนิ ถ้าเราทำเพื่อเห็นแก่หน้าตาตัวเอง เราก็ไม่สามารถถวายรายงานพระเจ้าได้
มีเส้นบางๆ กั้นระหว่าง พระเจ้า กับ ข้าพเจ้า
หลายคนในโลกนี้ ทำงานพระเจ้า แต่ไม่ได้เห็นแก่พระเจ้า แต่เห็นแก่ข้าพเจ้า (เห็นแก่ตัวเอง)
ถ้าได้หน้า ได้เกียรติ ได้ชื่อเสียง ได้เงิน ... ก็รับใช้พระเจ้า แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่รับใช้
พระเจ้าถือว่าการรับใช้เช่นนั้น เป็นความชั่ว
มาตรฐานของสวรรค์สูงกว่าโลก เราควรรับใช้พระเจ้า ควรทำประโยชน์ให้สังคม
เพราะนั่นเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเราได้ประโยชน์จากงานนั้น

ดนล.12:2-3        และคนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีแห่งแผ่นดินโลก จะตื่นขึ้น บ้างก็จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างก็เข้าสู่ความอับอายและความขายหน้านิรันดร์ และบรรดาคนที่ฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงฟ้า และบรรดาผู้ที่ได้ให้คนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร์
สำหรับลูกพระเจ้า การตายจากกายนี้ก็เหมือนกับการนอนหลับ
แล้วเราทุกคนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในสวรรค์
ผู้เชื่อทุกคนไม่ว่าจะรับใช้หรือไม่รับใช้ ทุกคนได้ไปสวรรค์
แต่เมื่อเราตื่นขึ้นในสวรรค์นั้น เราจะพบกับอะไร มันก็ขึ้นกับว่าในโลกนี้เราทำอะไร?
ถ้าเราทำหน้าอย่างไร ถ้าขึ้นบนสวรรค์ทุกคนมีบำเหน็จ ทุกคนมีมงกุฎจากพระเจ้า แต่เราไม่มี !!!
นี่แหละพระคัมภีร์จึงใช้คำว่า อับอายขายหน้านิรันดร์

ชีวิตคริสเตียนนั้น มีเพียงชาติเดียวเท่านั้น ชาติหน้าหมายถึงชีวิตนิรันดร์ โลกนิรันดร์
ถ้าเราจะชื่นชมยินดี หรือภาคภูมิใจ เราก็จะภาคภูมิใจอย่างนั้นนิรันดร์
แต่ถ้าเราต้องอับอาย เราก็จะอับอายขายหน้าเป็นนิรันดร์เช่นกัน
ดังนั้น ถ้าในโลกนี้ เรายังมีโอกาสในการรับใช้พระเจ้า อย่าปฏิเสธ แต่ทำให้เต็มที่
เพื่อถึงวันหนึ่งเราจะสามารถถวายรายงานพระเจ้าได้อย่างภาคภูมิใจ

ค. เราต้องรับใช้ด้วยท่าทีและแรงจูงใจที่ถูกต้อง
ท่าทีและแรงจูงใจของคน อยู่ภายใน เรามองไม่เห็น แต่สามารถวัดได้จากการกระทำภายนอก
คริสตจักรในพระดำริ ต้องเป็นการรวมตัวของกลุ่มชนเพื่อที่จะรับใช้พระเจ้า
และในการรับใช้พระเจ้านั้น ต้องมีท่าทีและแรงจูงใจที่ถูกต้องด้วย
ถ้าแรงจูงใจผิด ท่าทีในการรับใช้พระเจ้าก็ผิดไปด้วย
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -47-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

มธ.20:20-24       ขณะนั้นมารดาของบุตรแห่งเศเบดี พาบุตรทั้งสองมาเฝ้าพระองค์กราบไหว้ทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงทรงถามนางนั้นว่า ท่านปรารถนาอะไร นางทูลว่า ขอพระองค์รับสั่งตั้งให้บุตรของข้าพระองค์สองคนนี้ นั่งในราชอาณาจักรของพระองค์เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายคนหนึ่ง แต่พระเยซูตรัสตอบว่า ที่ท่านทั้งสองขอนั้นท่านไม่เข้าใจ ถ้วยซึ่งเราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ เขาทูลว่า ได้พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสกับเขาว่า ท่านทั้งหลายจะดื่มถ้วยของเราเป็นแน่ แต่ซึ่งจะนั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่พนักงานของเราที่จะจัดให้ แต่พระบิดาของเราได้ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ใดก็จะให้แก่ผู้นั้น เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้ว ก็มีความขุ่นเคืองพี่น้องสองคนนั้น
ขณะนั้นที่ยากอบและยอห์น ยังไม่ได้มีความเติบโตฝ่ายวิญญาณมากนัก
ขอในสิ่งที่แสดงถึงท่าทีและแรงจูงใจที่ไม่ถูกต้อง คือ รับใช้พระเจ้าเพื่อเกียรติของตนเอง
แต่พระเจ้าทรงสอนให้เรารู้ถึงท่าทีที่ถูกต้อง คือ ทุกสิ่งเป็นพระราชอำนาจของพระเจ้า
พระเจ้าจะให้ใครเป็นอะไร อย่างไร เราไม่มีสิทธิ์ก้าวล่วงอำนาจของพระองค์

มธ.20:25-28       พระเยซูทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าผู้ครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้าเหนือเขาและผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นผู้ใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย ถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของพวกท่าน อย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก
ท่าทีที่ถูกต้องในการรับใช้พระเจ้า สามารถมาประยุกต์ใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จได้
หลักการให้บริการที่ดีที่สุด ทำให้บริษัทและองค์กรทางธุรกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
หลักการพระเจ้า แตกต่างจากหลักการของทางโลกอย่างสิ้นเชิง
จะเป็นใหญ่ ต้องเป็นผู้ปรนนิบัติ จะเป็นเอก ต้องเป็นทาสสมัคร
อยากได้ ต้องให้ก่อน อยากชนะ ต้องยอมแพ้เสียก่อน
พระเยซูเองเป็นตัวอย่างกับเราในเรื่องนี้
พระองค์มาเพื่อให้ มาหาฝูงชน มาช่วยคนเจ็บป่วย มาตายแทนบาปของเรา
ท่าทีและแรงจูงใจที่สำคัญ ... ยิ่งรับใช้ด้วยความถ่อม เราจะยิ่งรับการยกให้สูงขึ้น
ผู้รับใช้ในร่วมนิมิต ต้องเป็นทั้ง อาจารย์ และ คนงาน ในคนๆ เดียวกัน
ตั้งใจที่จะเป็นคนงานที่พระเจ้าพอพระทัย ใจต้องอ่อนน้อม
ท่าทีและแรงจูงใจต้องถูกต้อง พระเจ้ามองที่ภายในและใช้เราที่ภายในของเรา

1คร.9:19            เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้ามิได้อยู่ในบังคับของผู้ใด ข้าพเจ้าก็ยังยอมตัวเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวง เพื่อจะได้ชนะใจคนมากยิ่งขึ้น
ท่าทีและแรงจูงใจที่ถูกต้องของอัครทูตผู้ยิ่งใหญ่ สอนเรา
เก่งที่สุด ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของโลก แต่ถ่อมตัว ยอมเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวง
ที่ยอมไม่ใช่เพราะกลัว แต่ยอมเพราะ รัก


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -48-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ถ้าวิญญาณในการปรนนิบัติ อยู่ในชีวิตของใคร ผู้นั้นจะกลายเป็นที่รักของทุกคน

ฟป.2:17                        ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าต้องถูกเทลง เพื่อให้ครบเครื่องบูชาแห่งความเชื่อของท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็ยังจะยินดีและชื่นชมร่วมกับท่านด้วย
อีกหนึ่งท่าทีของ อ.เปาโล คือ ยอมเจ็บ ยอมเหนื่อย ยอมเสียสละ
เหนื่อยอยู่แล้ว ยอมเหนื่อยมากขึ้น เสียสละอยู่แล้ว เสียสละมากขึ้น ด้วยความเต็มใจ
เพื่อคนของพระเจ้าจะเติบโตขึ้น เพื่ออาณาจักรของพระเจ้าจะขยายมากขึ้น

ง. การรับใช้พระเจ้า ต้องทำงานกันเป็นทีม
ในการร่วมกันรับใช้พระเจ้านั้น ต้องทำงานเป็นทีม จึงจะประสบความสำเร็จ
ระลึกเสมอว่า ทุกคนมีค่า ทุกคนสำคัญ ทุกคนมีความหมาย
มก.16:15           ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนนุษย์ทุกคน
พระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับมนุษย์ ย้ำคำว่า ทุกคน และ ทั่วโลก
งานของพระเจ้าครอบครัวมนุษย์ทั้งโลก ถ้าไม่ทำงานเป็นทีม ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
ดังนั้น งานหลักของการรับใช้พระเจ้า คือ การสร้างทีมงาน
ในการทำงานเป็นทีม ต้องมองชัยชนะในภาพรวม
กีฬาฟุตบอล การยิงประตูได้ของคนๆ เดียว เท่ากับทั้งทีมทำประตูได้ ถ้าชนะก็ชนะทั้งทีม ถ้าแพ้ก็แพ้กันทั้งทีม
งานรับใช้พระเจ้าก็เช่นเดียวกัน จะแพ้ชนะ ขึ้นกับว่าเราตระหนักว่าเป็นผลงานของเราทุกคนหรือไม่?

จ. พระเจ้าสร้างเราหลากหลาย เพื่อร่วมกันทำงานรับใช้พระองค์
1คร.3:9             เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์
เราทั้งหลาย คือ เราหลากหลาย
ไร่นา ของพระเจ้า ไม่ได้ประกอบด้วยต้นไม้ต้นเดียว แต่ทุกคนรวมกันจึงจะเป็นไร่นา
ตึก ของพระเจ้า ไม่ได้ประกอบด้วยชั้นเดียวหรือห้องเดียว แต่หลายชั้นหลายห้องรวมกันจึงเป็นตึก
ความหลากหลาย คือ ความครบบริบูรณ์
พระเจ้าสร้างเรา ใช้เราอย่างหลากหลาย เพื่อให้งานของพระเจ้าสมบูรณ์

มก.3:13-19        พระเยซูทรงเลือกศิษย์สิบสองคน
พระเยซูเลือกสาวกอย่างหลากหลาย เป็นตัวแทนของคนหลากหลาย
ทั้งคนเก็บภาษี ชาวประมง แพทย์ นักการเมือง ฯลฯ
พระเจ้าเรียกมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เรียกให้มีนิมิต เป้าหมายเดียวกัน
คือ การรับใช้พระเจ้า รับใช้คนทั้งโลก


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -49-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เราแตกต่างกันในหลายเรื่อง เช่น ทัศนคติ การศึกษา ฐานะ
แต่ความแตกต่าง ไม่ใช่ความแตกแยก ... ตรงกันข้าม กลับเป็นความงดงาม และคือความสมบูรณ์ที่แท้จริง
1คร.12:14          เพราะว่าร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ
คนจะมีร่างกายสมบูรณ์ เพราะมีอวัยวะต่างๆ อย่างครบถ้วน
คริสตจักรของพระเจ้า จะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อเราทุกคนทำหน้าที่เป็นอวัยวะต่างๆ
ทำงานต่างกัน แต่เพื่อให้พระเจ้าได้รับเกียรติ
แม้จะมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ความขัดเคือง แต่เป็นการขัดถูและเป็นการถักทอจากพระเจ้า

No comments:

Post a Comment