Saturday, March 26, 2011

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 1

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -1-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 1

2ทธ.4:3-5          เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก เขาจะเลิกฟังความจริง และจะหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
คำสอนอันมีหลัก เป็นหลักการที่ถูกต้องคริสตจักรที่สอนอย่างถูกต้อง เพื่อมุ่งมาดปรารถนาให้คริสเตียนดำเนินชีวิตที่ถูกต้องต่อพระเจ้า
คำสอนอันมีหลัก เป็นเหมือนกฎหมายของคณะผู้พิพากษา เป็นบรรทัดฐานของคริสเตียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคณะผู้นำและผู้รับใช้พระเจ้า การเข้าถึงหลักคำสอนอันมีหลัก จะทำให้เราไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดคน ประเพณีและค่านิยมของคนหรือคริสตจักรต่างๆ  แต่เราจะยืนหยัดมั่นคงอยู่บนพื้นฐานพระวจนะพระเจ้า

คำนำ
(1) คำสอนอันมีหลัก หมายถึง พระคัมภีร์ล้วนๆ ทุกตอน ทุกอักษร ทุกคำ ทุกจุด ทุกขีด
ไม่ใช่เป็นคำสอนที่ถือต่อๆ กันมา จนกลายเป็นประเพณี ความเคยชิน แล้วคิดเอาเองว่านั่นคือพระคัมภีร์
เราชื่นชมในประเพณี และพิธีกรรมหลายอย่างที่ดูดี เช่น มีชุดศาสนาจารย์สำหรับประกอบพิธีที่สำคัญ
แต่สำคัญกว่าชุดประกอบพิธี คือ พระคัมภีร์ พระวจนะของพระเจ้า
เมื่อเราเจอปัญหาอะไร ต้องคิดไว้เสมอว่า “พระคัมภีร์ว่าอย่างไร? ในเรื่องนั้น”
และการหยิบยกพระคัมภีร์มาแก้ไขปัญหา ต้องยกทั้งหมด ไม่ใช่ยกบางข้อ บางตอนเท่านั้น
เพราะในหลักความจริง พระคัมภีร์ จะไม่มีความขัดแย้งกันเอง
ชีวิตคริสเตียน ต้องมีพระคัมภีร์ เป็นบรรทัดฐานของการดำเนินชีวิต

(2) คำสอนอันมีหลัก จะทำให้เรารู้ว่าควรประพฤติอย่างไรในคริสตจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นหลักและรากแห่งความจริง
2ทธ.3:7             หญิงพวกนี้จะฟังทุกคนที่พูด แต่ไม่อาจที่จะเข้าถึงหลักแห่งความจริงได้เลย
1ทธ.3:15           หากข้าพเจ้ามาช้า ท่านก็จะได้รู้ว่า ควรจะประพฤติอย่างไรในครอบครัวของพระเจ้า คือ คริสตจักรของพระเจ้าผู้ดำรงพระชนม์ เป็นหลักและรากแห่งความจริง
ในกลียุค จะมีคนทุกรูปแบบ คำสอนทุกรูปแบบที่ทำให้เราผิดเพี้ยนไป
เปาโล ใช้คำว่า “คริสตจักร” เป็นครอบครัวของพระเจ้า เราทุกคนเป็นส่วนสำคัญในพระกายของพระคริสต์
โดยเฉพาะคนที่รับใช้พระเจ้า เราต้องเข้าใจถึงหลักและรากแห่งความจริง

คำสอนอันมีหลัก ตอน 1 ว่าด้วยเรื่อง “ความสำคัญของคำสอนอันมีหลัก”
1. คำสอนอันมีหลัก สำคัญมาก เพราะเป็นรากฐานชีวิตคริสเตียน
คนเราถ้าไม่มีกระดูกสันหลัง ก็จบ บ้านที่ไม่มีเสา ก็จบ ชีวิตคริสเตียนที่ไม่มีหลัก ก็จบเช่นกัน
มธ.7:24-27        เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -2-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง
คำสอนอันมีหลัก ถือเป็นศิลาของชีวิต
บ้านที่สร้างบนศิลา แม้มีพายุพัด บ้านก็ไม่พัง ...
ชีวิตที่ยืนอยู่บนคำสอนที่มีหลักก็เช่นกัน แม้มีปัญหาหรืออุปสรรคพัดมา ชีวิตก็ไม่พัง
คำสอนผิดๆ ความรู้สึกผิดๆ ความคิดผิดๆ มีมากมาย ... แต่ต้องมีพระคัมภีร์รองรับเสมอ
ถ้าเป็นได้อย่าผิดต่อมนุษย์และพระเจ้า แต่ถ้าต้องผิดอย่างใดอย่างหนึ่งให้เลือกผิดต่อมนุษย์อย่าผิดต่อพระเจ้า
เช่น พ่อแม่สั่งให้เลิกเชื่อพระเจ้า เราต้องยอมผิดใจพ่อแม่ แต่ไม่ผิดต่อพระเจ้า
เวลาผ่านไปพิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นว่าเรารักและกตัญญูต่อท่าน
สรุปว่าไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์ใด พระคัมภีร์สอนอย่างไรก็ให้เราทำตามนั้น
เพราะพระคัมภีร์เป็นรากฐานชีวิตคริสเตียน

2. คำสอนอันมีหลัก ส่งผลให้คริสตจักรมั่นคง ทนต่อทุกสถานการณ์ได้
คำสอนอันมีหลัก เป็นรากฐานของชีวิตคริสเตียน ถือเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว
แต่คำสอนอันมีหลัก ที่ส่งผลให้คริสตจักรมั่นคง ถือเป็นเรื่องของกลุ่มชน
คำสอนอันมีหลัก ทำให้คริสตจักรทนต่อทุกสถานการณ์ได้ ไม่ว่าจะร้อน จะเย็น จะหนาว หรือจะเปียก

1คร.3:10-15       โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น ขอทุกคนจงระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้วคือพระเยซูคริสต์ บนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไรถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ
เปาโล อัครทูตคนแรกในยุคคริสตจักร คือ หลังจากที่พระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว
ท่านไม่ได้รับคำสอนจากผู้ใด แต่รับโดยตรงจากพระเจ้า เพราะท่านเป็นสุดยอดปราชญ์คนหนึ่งของโลก
ท่านวางรากฐานอันมั่นคงให้กับคริสตจักร รากฐานนั้น คือ ทุกอย่างเพื่อพระเยซูคริสต์ โดยพระเยซูคริสต์
บนรากนั้น จะก่อขึ้นอย่างอื่นอีกไม่ได้ ต้องก่อในเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น

“ทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้ง” หมายถึง แนวคิด ทัศนคติอย่างโลก
เราไม่ปฏิเสธโลก แต่พระเจ้าสร้างโลกให้เราดูแล เราไม่ได้เป็นทาสมัน ... คริสเตียน ต้องนำโลก ไม่ใช่ให้โลกนำเรา
“ไฟ” จะเป็นเครื่องพิสูจน์การงานของเรา
เช่น ไม่มีเงิน ยังทำงานรับใช้หรือไม่ ไม่มีตำแหน่ง ยังทำงานรับใช้หรือไม่ เป็นต้น
ใครที่ยังยืนหยัดในการรับใช้พระเจ้าไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์อย่างไร ผู้นั้นจะรับตอบแทนจากพระเจ้า
และคำสอนที่มีหลัก จะสอนให้คนของพระเจ้าทนร้อน ทนแดด ทนไฟ และทนต่อทุกอย่างเพื่อพระเจ้าได้



คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -3-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

2. คำสอนอันมีหลัก จะส่งผลให้ชีวิตคริสเตียนเติบโต จนถึงขั้นความไพบูลย์ของพระคริสต์
คำสอนไม่เพียงทำให้ชีวิตของเรามั่นคงเท่านั้น แต่คำสอนยังทำให้เราโต
และโตไม่หยุด จนกระทั่งถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์
อฟ.4:11-15        ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์ เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ คือพระคริสต์
คำสอนอันมีหลัก ทำให้ชีวิตคริสเตียนเติบโต ทำให้ชีวิตคริสตจักร (กลุ่มคนในคริสตจักร) เติบโต
วัดความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้วัดที่วัยวุฒิ ... เราเคารพผู้อาวุโสฝ่ายร่างกาย
แต่ถ้าพูดถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือ ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ผู้ใหญ่ฝ่ายคุณธรรม ผู้ใหญ่ฝ่ายวุฒิภาวะ
วาจา การกระทำ ความรับผิดชอบ ความเมตตา ความเอื้ออาทร ต้องเป็นผู้ใหญ่
ทั้งหมดต้องใช้เวลา แม้เราเป็นไม่ได้ทั้งหมด แต่ความสงบ สันติสุข และสิ่งสร้างสรรค์จะเกิดขึ้น

4. คำสอนอันมีหลัก จะส่งผลให้พันธกิจของคริสตจักร เจริญ รุ่งเรือง ก้าวหน้า
พันธกิจ คือ กิจที่เป็นพันธะด้วยใจ ผูกพันด้วยใจ
พันธกิจของคริสตจักรจะเจริญ รุ่งเรือง ก้าวหน้าได้ ต้องมีคำสอนที่มีหลัก
มารซาตาน จะพยายามทุกวิถีทางไม่ให้เราเชื่อ และเมื่อเราเชื่อแล้ว มันก็จะพยายามขัดขวางไม่ให้เราเติบโต
ส่วนหนึ่งของการขัดขวาง นั่นคือ คำสอนที่ไม่มีหลัก คำสอนที่ไม่ถูกต้อง
เช่น มีเส้นแบ่งระหว่างบรรพชิตกับฆราวาส ให้เห็นว่าหน้าที่รับใช้พระเจ้า เป็นของผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลาเท่านั้น

หลักคำสอนหนึ่งที่คริสตจักรร่วมนิมิตใช้ คือ 3 เหมือน 2 ต่าง
เป็นคำสอนที่มีหลัก เพื่อให้คริสเตียนทุกคนรู้ถึงสถานภาพของตนเอง ทำให้พันธกิจรุ่งเรือง
คือ ทุกคนรับใช้พระเจ้า และรับใช้อย่างเต็มที่
3 เหมือน มีดังนี้
เหมือนที่ 1 คือ ผู้เชื่อทุกคนเป็นลูกพระเจ้าเหมือนกัน
ไม่ว่าจะยากดี มีจน เรียนสูง หรือไม่ได้เรียน ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน
ยน.1:12-13        แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อหรือกามหรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า
เหมือนที่ 2 คือ ผู้เชื่อทุกคนเป็นธรรมิกชนเหมือนกัน
คำว่า “ธรรมิกชน” หมายถึง นักบุญ นักบวช ... คุณภาพชีวิตคริสเตียน ต้องอยู่ในระดับนั้น
จะคิดว่าผู้เชื่อธรรมดาประพฤติตัวอย่างไรก็ได้ ... ไม่ได้


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -4-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

อฟ.2:19             เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า
แต่เส้นทางในการเติบโตเป็นนักบุญ ต้องรับการสร้างจากพระเจ้า
เหมือนที่ 3 คือ ผู้เชื่อทุกคนเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเต็มที่เหมือนกัน
1คร.4:1-2           ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ทุกคน
ฟป.1:21                        เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร

2 ต่าง มีดังนี้
ต่างที่ 1 คือ รับใช้พระเจ้าเต็มเวลา หรืออาสาสมัคร
รับใช้เต็มเวลา คือ ไม่ทำงานอย่างอื่นเลยนอกจากรับใช้พระเจ้า คริสตจักรต้องดูแล
รับใช้แบบอาสาสมัคร คือ รับใช้พระเจ้าในขณะที่ทำงานอื่นไปด้วย (ประกอบอาชีพอื่นไปด้วย)
ต่างที่ 2 คือ รับใช้พระเจ้าในหน้าที่ต่างกัน ตามของประทาน
แต่ละคนถูกำหนดให้ทำงานแตกต่างกัน แต่รับใช้พระเจ้าเหมือนกัน
กท.2:7-8            แต่ตรงกันข้ามเมื่อเขาเห็นว่า ข้าพเจ้าได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนเหล่านั้น ที่ไม่ถือพิธีเข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐ แก่คนที่ถือพิธีเข้าสุหนัต (เพราะว่าพระองค์ผู้ได้ทรงดลใจเปโตรให้เป็นทูต ไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต ก็ได้ทรงดลใจข้าพเจ้าให้ไปหาคนต่างชาติเหมือนกัน)
ความแตกต่างในงานรับใช้ของเปโตร และเปาโล

ซาตานพยายามแบ่งคริสเตียนเป็น 2 ระดับ แต่คำสอนที่มีหลัก ไม่ได้แบ่งเช่นนั้น
เมื่อผู้เชื่อเข้าใจเรื่องพันธกิจของพระเจ้า จะทำให้คริสตจักรกระตือรือร้น และร้อนร้นในการทำงานรับใช้พระเจ้า
ส่งผลให้พันธกิจยิ่งเจริญ รุ่งเรือง และเกิดผล

5. คำสอนอันมีหลัก ส่งผลให้คริสตจักรมั่นคง แม้พลังแห่งความตายก็เอาชัยไม่ได้
มธ.16:18           ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้
ไม่มีปัญหาอะไรล้มคริสตจักรของพระเจ้าได้ ถ้าคริสตจักรได้รับคำสอนอันมีหลัก
เงินไม่มี ถูกข่มเหง ถูกเข้าใจผิด เกิดการแตกแยก ... ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถทำอันตรายคริสตจักรได้
คำสอนอันมีหลัก ทำให้คนรู้จักแยกแยะความถูกต้องเหมาะสม

6. คำสอนอันมีหลัก ส่งผลให้คำสั่งของพระเยซูคริสต์ที่สอนให้ถือรักษาสิ่งสารพัด สำเร็จ
มธ.28:20           สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค
คำสั่งของพระเยซูคริสต์ที่เป็นพระมหาบัญชา คือ ให้ออกไปประกาศทั่วโลกกับทุกคน



คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -5-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ทั้งพระธรรมมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ได้บันทึกไว้หมด
แต่คำสั่งอีกอย่างในเรื่อง “สอนให้ถือรักษาสิ่งสารพัด” นั้น มีเพียงมัทธิวเท่านั้นที่บันทึกไว้
การสอนให้คนเข้าใจ ถือว่าเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง แต่การสอนให้ถือรักษาในสิ่งที่เข้าใจนั้นยากยิ่งกว่า
แต่คำสอนอันมีหลัก สอนอย่างต่อเนื่อง จะเกิดความเข้าใจ ประทับใจ
และในที่สุดจะเต็มใจในการกระทำตามพระวจนะและคำสั่งของพระเจ้า

สิ่งสารพัดที่พระเยซูคริต์สั่งมีมาก เราค่อยๆ ถือรักษาให้ได้ทีละเรื่อง
เพื่อวันวันสุดท้ายของชีวิต เราจะสามารถกล่าวรายงานอย่างที่เปาโลรายงานต่อพระเจ้าได้
2ทธ.4:6             เพราะว่าข้าพเจ้ากำลังจะตกเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุดข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว

คำสอน คำเทศนา จะมีผล ต้องสอนอย่างมีหลัก คนที่สอน ก็จะกลายเป็นคนมีหลักไปด้วย
และคำสอนจะมีอิทธิพลสูงสุด ก็ต่อเมื่อ ผู้สอนทำได้อย่างที่สอน จะส่งผลกระทบต่อผู้ฟัง
แนวคิดของผู้เทศนา สั่งสอน ต้องเทศน์สอนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่สิ่งที่ๆ ประชุมอยากจะฟัง
แต่เราจะสอนอย่างไรให้มีสาระ เข้าใจง่าย และน่าฟังด้วย

1 ในคำสอนที่มีหลักที่คริสตจักรร่วมนิมิตสอน คือ การรับใช้ 3 มิติ
มิติที่ 1 คือ 5 สถานภาพ
ผู้เชื่อมี 5 สถานภาพที่พระเจ้าประทานให้ คือ
(1) เป็นบุตรพระเจ้า
(2) เป็นทายาทของพระคริสต์
(3) เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์
(4) เป็นพระกายของพระคริสต์
(5) เป็นสหายของพระคริสต์
ในการเทศน์ การสอนสมาชิกหรือผู้เชื่อ ต้องนำ 5 สถานภาพนี้มาจับอยู่ตลอดเวลาตลอดชีวิตของเขา
เช่น เขาเชื่อแล้วดำเนินชีวิตเหมาะสมกับการเป็นบุตรพระเจ้าหรือไม่?
เหมาะสมกับเป็นบุตรแล้ว มีศักยภาพพอที่จะเป็นทายาทหรือไม่?
คุณลักษณะชีวิตเหมาะสมกับการเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ที่คู่ควรกับเจ้าบ่าวอย่างพระองค์หรือไม่?
ชีวิตเหมาะกับการเป็นพระกาย คือ ทำแทนพระเจ้าหรือไม่?
และสำคัญที่สุด เรารักพระเจ้าพอที่จะเป็นสหายหรือเพื่อนตายของพระเจ้าหรือไม่?
เพื่อนตาย คือ คนที่ปัญหาของเราเหมือนปัญหาของเขา
สดด.55:13         แต่เป็นท่าน เสมอบ่าเสมอไหล่กับข้าพเจ้า เป็นเกลอของข้าพเจ้า เป็นมิตรรู้จักมักคุ้นกับข้าพเจ้า
ถ้าเราผ่านทั้ง 5 สถานภาพ ชีวิตของเราก็จะกลายเป็นเหมือนผู้อาวุโสที่อยู่รอบพระที่นั่งของพระองค์

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -6-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

มิติที่ 2 คือ 5 ผูกพัน
5 สิ่งที่คริสเตียนพึงผูกพันตัว หากปรารถนาการเกิดผล
(1) ผูกพันตัวกับพระเจ้า
ยน.15:4-5          จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
พระเจ้าเป็นเถาองุ่น เราเป็นแขนง ดังนั้น เราจึงไม่สามารถแยกจากพระเจ้าได้
เราต้องติดสนิทและผูกพันอยู่กับพระเจ้า เพื่อการเกิดผล          
(2) ผูกพันตัวกับผู้นำ
การผูกพันตัวกับผู้นำ ไม่ใช่ลัทธิคลั่งหรือบ้าผู้นำ แต่ต้องเห็นคุณค่าของผู้นำ
สภษ.11:14        ที่ไหนที่ไม่มีการนำ ประชาชนก็ล้มลง แต่ในที่ซึ่งมีที่ปรึกษามากย่อมมีความปลอดภัย
ผู้นำ นำให้ก้าวหน้า นำให้มั่นคง นำให้เจริญ นำให้เกิดผล เราต้องเห็นคุณค่า
ทำอย่างไรจะส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจผู้นำในการทำงาน เราต้องทำเพื่อแสดงถึงความผูกพันที่เรามีต่อท่าน
(3) ผูกพันตัวกับคริสตจักร
คริสเตียน จะเติบโตได้ ต้องโตผ่านคริสตจักร เราต้องมีสังกัด เราต้องมีบ้าน เราต้องมีกองทัพของตัวเอง
คริสเตียนทัวร์ (หมายถึง เวียนไปโบสถ์โน่น ไปโบสถ์นี่ ไม่ฝังตัวอยู่กับที่ใด) ไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้า
1คร.3:9             เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์
เราเป็นตึก และเป็นไร่นาของพระเจ้า ต้องฝังตัว ต้องลงราก ตึกจึงจะมั่นคง ไร่นาจึงจะเติบโต
เป็นความชอบธรรม และเป็นสิทธิ์ของเราในการตัดสินใจอยู่คริสตจักรใด
แต่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าคริสตจักรนั้นทำให้เราเจริญได้หรือไม่? และเราสามารถทำให้ที่นั่นเจริญได้หรือไม่?
ถ้าคริสตจักรใดดูแลเราไม่ได้ เราควรไปอยู่ในคริสตจักรที่ดูแลและสร้างชีวิตของเราได้
เราไม่ “แตกแยก” แต่เรา “แยกแยะ”
หลายคนที่รับใช้อยู่ในคริสตจักรร่วมนิมิต ก็ไม่ได้เกิดที่นี่ แต่หลายคนโตได้ที่นี่
เราไม่ได้หมายถึงเราดีกว่าและสมบูรณ์กว่าคริสตจักรอื่น พระเจ้าเท่านั้นที่สมบูรณ์
แต่เราตั้งใจจะเดินและก้าวไปสู่ความสมบูรณ์ของพระองค์ให้มากขึ้น
(4) ผูกพันตัวกับพี่น้อง
การผูกพันกับพี่น้อง ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน
เราจะผูกพันกันได้ ต้องผูกพันด้วยใจ และพระเจ้าพอพระทัยเมื่อเราทำสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม
มธ.3:15             แต่พระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า "บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ" แล้วยอห์นก็ยอม
(5) ผูกพันตัวกับพันธกิจ หรืองานรับใช้
1ทธ.4:14-15       อย่าละเลยความสามารถที่มีอยู่ในตัวท่าน ซึ่งได้ทรงประทานแก่ท่านตามคำพยากรณ์ เมื่อคณะผู้ปกครองได้เอามือวางบนท่าน จงปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ โดยถือเป็นชีวิตจิตใจ เพื่อความเจริญของท่านจะได้ปรากฏแก่


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -7-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

คนทั้งปวง จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงยึดข้อที่กล่าวนี้ให้มั่น เพราะเมื่อกระทำดังนั้น ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและคนทั้งปวงที่ฟังท่านให้รอดได้
เราต้องสอนสมาชิกให้เป็นชีวิตและจิตใจ ทำด้วยใจ แม้เหนื่อยแต่ก็จะมีความสุข
แต่ถ้าปราศจากคำสอนที่มีหลัก เขาก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน
ดังนั้น เราต้องให้คำสอนอันมีหลัก เพื่อคำสั่งของพระเจ้าจะสำเร็จในเราทุกคน

มิติที่ 5 คือ 5 พันธกิจ
(1) เลี้ยง ... เลี้ยงดูฝ่ายจิตวิญญาณให้เติบโต
(2) สร้าง ... สร้างให้เป็นผู้นำ สร้างให้เข้มแข็ง
(3) นำ ... นำให้รับใช้พระเจ้า นำไปในทิศทางที่ถูกต้อง นำให้สูงขึ้น นำให้ดีขึ้น
(4) ปกป้อง ... ปกป้องจากคำสอนผิด ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย ปกป้องไม่ให้เดินทางผิด
(5) ปกครอง ... ให้เราอยู่อย่างสงบสุข และมีสันติสุขในงานพระเจ้า
ยน.21:15-17      เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ" เขาทูลพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด" พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงดูแลแกะของเราเถิด" พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า "เจ้ารักเราหรือ" เขาจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิด
เราจะอยู่ในคริสตจักรใด ต้องเอา 5 พันธกิจมาวัด ว่าคริสตจักรนั้นสามารถทำพันธกิจดังกล่าวกับเราได้หรือไม่

7. คำสอนอันมีหลัก จะส่งผลให้คริสตจักรมีสิทธิอำนาจ และใช้สิทธิอำนาจอย่างถูกต้อง
มธ.16:19           เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย
พระเจ้าทรงมอบกุญแจสวรรค์ให้กับคริสตจักร ไขเปิดปิดสิ่งใดก็จะเป็นไปตามนั้น
นี่เป็นสิทธิอำนาจจากพระเจ้า สิทธิอำนาจจากสวรรค์
คริสตจักรที่เข้าใจคำสอนอันมีหลัก ก็จะสามารถให้สิทธิอำนาจจากพระเจ้าได้
และใช้มันอย่างถูกต้อง เหมาะสมด้วย





No comments:

Post a Comment