Saturday, March 26, 2011

เรื่อง “ บุคคลผู้เป็นสุข ” ตอน 1 จาก “ มธ.5:3-11 ”

บุคคลผู้เป็นสุข                                                                                    -1-                                                             โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง บุคคลผู้เป็นสุข ตอน 1 จาก มธ.5:3-11

                มธ.5:3-11               บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา บุคคลผู้ใดโศกเศร้า ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการทรงปลอบประโลมบุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดกบุคคลผู้ใดหิวกระหาย ความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่มบริบูรณ์บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบบุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้าบุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตรบุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาเมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข
                พระวจนะในตอนนี้ เป็นลักษณะของบุคคลผู้เป็นสุข เป็นแนวทาง เป็นเคล็ดลับ เป็นกุญแจ เป็นหนทางที่จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข ท่ามกลางสถานการณ์ต่างๆ โดยมีรายละเอียดทั้งหมด 9 ประการ

บุคคลผู้เป็นสุข ตอน 1
มธ.5:3                     บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา
1. คำนำจากพระวจนะ
1.1 ความ รู้สึก เป็นเรื่องของบุคคล
บุคคล ... ผู้ใด ... รู้สึก ... ความรู้สึก เป็นเรื่องของบุคคล
เรียนด้วยกัน ฟังด้วยกัน แต่ทุกคนรู้สึกไม่เหมือนกัน และไม่ใช่ทุกคนจะมีความ รู้สึก
เรามักได้ยินคำว่า ไม่รู้สึกรู้สา คือ ความรู้สึกด้าน ความรู้สึกชา
คนที่ไม่รู้สึก คือ คนที่ตายไปแล้ว ... คนไม่ตาย ต้องรู้สึก
บุคคลผู้ใดก็ตามที่รู้สึก หมายถึง ตระหนักในคุณธรรม ตระหนักในปัญญา ตระหนักได้ในเรื่องนั้นๆ
บุคคลที่รู้สึก คือ บุคคลที่เติบโต คิดได้ รู้สึกได้ สัมผัสได้
โคลัมบัส รู้สึกว่าต้องมีอีกทวีปหนึ่ง ในขณะที่คนอื่นไม่รู้สึก ... เขาค้นพบทวีปอเมริกา
บิลล์ เกต รู้สึกว่าต้องมีบางระบบที่อำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ได้ ... เขาได้สร้างระบบไมโครซอฟท์
บุคคลจะเป็นสุขได้ ต้องมีความรู้สึก ... วันนี้คุณรู้สึกอะไร?

1.2 จะเป็นสุขได้ ต้องรู้สึก บกพร่อง
บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข
รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ คือ รู้สึกบกพร่องฝ่ายคุณธรรม ... ตระหนักว่าเรายังขาดบางสิ่ง
โลกปัจจุบันขาดสิ่งนี้ จึงปราศจากความสุข
ทำสิ่งโง่ๆ แต่ก็ไม่ตระหนักว่าตัวโง่, ทำสิ่งเลวๆ แต่ก็ไม่ตระหนักว่าตัวเลว
ถ้าเราไม่รู้สึกบกพร่อง ก็จะไม่ก่อให้เกิดการปรับปรุง
เมื่อไม่มีการปรับปรุง เราก็จะกลายเป็นเด็กในปัญญา ในการบริหาร ในการจัดการ ในการทำงาน
และเป็นคนเขลาในเรื่องชีวิต
ปัจจุบันนี้ วิกฤต ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย คนที่อยู่รอดได้ ไม่ใช่คนที่ แข็งแกร่ง แต่เป็นคนที่สามารถ ปรับตัวได้
เราต้องปรับตัวให้อยู่กับทุกที่ได้ ในวัง ในสลัม บ้านนอก เมืองนอก อยู่ได้ทั้งกับคนฉลาดและคนโง่
ดังนั้น ความรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะนำเราสู่ความสุข
บุคคลผู้เป็นสุข                                                                                    -2-                                                             โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

1.3 ทุกคนต้องการ เป็น สุข
ชีวิตที่เป็นสุข คือ ชีวิตที่มนุษย์ทุกคนในโลกต้องการ ... เราต้องการ คนรอบข้างเราก็ต้องการเช่นกัน
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องเรียนรู้ร่วมกัน ฟังกันมากขึ้น เรียนจากกันมากขึ้น
ใครทำได้ตามพระวจนะพระเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสุขอย่างแท้จริง

1.4 แผ่นดินสวรรค์ เป็นของบุคคลที่รู้สึกบกพร่อง
บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา
แผ่นดินสวรรค์ เป็นของบุคคลผู้บกพร่องฝ่ายวิญญาณ
แผ่นดินสวรรค์ เล็งถึง ความสำเร็จ เกียรติยศ ชื่อเสียง ความเจริญรุ่งเรือง สิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ชอบธรรม
ทั้งหมด เป็นของผู้ที่รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ และสิ่งนี้แหละ ทำให้เขาเป็นบุคคลที่เป็นสุขอย่างแท้จริง

2. ความหมายของพระวจนะ มธ.5:3
2.1 นิยามของคำว่า ความสุข
นิยามชีวิตผิด ก็บริหารชีวิตผิด
เราจะมีชีวิตที่เป็นสุขได้ ต้องเริ่มจากคำนิยามที่ถูกต้องของคำว่า ความสุข
ความสุข ไม่ใช่ ความสะดวกสบาย
ความสุข เกิดจาก ภายใน ในขณะที่ ความสะดวกสบาย เกิดจาก ปัจจัยภายนอก
พระศาสดา นักบวชส่วนใหญ่ ยากจนความสะดวกสบาย แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความสุข
เช่น พระเยซูคริสต์ เกิดอย่างยากจน ตายอย่างโจร แต่เป็นองค์สันติราช อยู่ในใจคนทั้งโลก
พระพุทธเจ้า สละความสะดวกสบาย ออกค้นหาความจริง จนได้เป็นหนึ่งในศาสดาที่ยิ่งใหญ่ของโลก
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่า จะสุข ต้องไม่สะดวกสบาย
หลายคนมีความสุขท่ามกลางความสะดวกสบายก็มี เราต้องเข้าใจถึงสัจธรรม และความจริงของชีวิต

ความสุขของผู้เชื่อ คือ การที่เราได้ เป็น คน เป็น ลูกพระเจ้าอย่างถูกต้อง
และการที่เราได้รับใช้พระเจ้าได้สำเร็จ ตามขนาดความรับผิดชอบของเรา
ได้เป็นอะไร ก็เป็นอย่างดีเลิศ, ได้ทำอะไร ก็ทำอย่างดีเลิศ
เช่น ทุกครั้งที่เราทำดี คิดดี พูดดี ใจเราก็ดี และเป็นสุข
นี่แหละ คือ ความสุขที่แท้จริง

2.2 ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสุข ความสำเร็จ และความสงบ
ก. มีหลายคนพบความสำเร็จ แต่ไม่เคยพบความสุขและความสงบเลย
บางคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพราะเป็นคนประจบเอาใจนาย
บางคนรวยเพราะโกง, บางคนมีฐานะดี เพราะเห็นแก่ตัว, บางคนได้เลื่อนยศตำแหน่งสูง เพราะเหยียบคนอื่นขึ้นมา
แม้จะได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จ แต่ลึกๆ ไม่มีความภาคภูมิใจ ลึกๆ ไม่มีความปลาบปลื้ม
และลึกลงไปที่สุด คือ ไม่มีความสุข และไม่มีความสงบ

ความสงบของชีวิต ไม่ได้เกิดขึ้นจากการสวดมนต์หรือทำสมาธิ แต่เกิดจากความเข้าใจชีวิต
บุคคลผู้เป็นสุข                                                                                    -3-                                                             โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ฟังเหมือนกัน แต่เข้าใจต่างกันเพราะสมองต่างกัน เราต้องเข้าใจ ไม่วุ่นวาย ไม่สับสน
ใครคิดได้ไม่เหมือนเรา ก็เพราะเขาคิดได้แค่นั้น บางคนโง่เรื่องหนึ่ง แต่ฉลาดอีกเรื่องหนึ่งก็มี

ข. มีหลายคนพบความสุขและความสงบ แต่ไม่เคยพบความสำเร็จ
ลัทธิปลีกวิเวก พบความสุขและสงบก็จริง แต่ก็ไม่ใช่พวกที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
เพราะชีวิตไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ผู้ใดเลย ไม่มีผลงาน ไม่มีส่วนช่วยเหลือใคร
ลึกๆ แล้วคนพวกนี้จะไม่มีความภาคภูมิใจ
เราปลีกวิเวิกได้ แต่ต้องเป็นการพัก ... มีกำลังก็ต้องออกมาช่วยเหลือผู้อื่น
คนจะพบความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อมีผลงาน และเราจะมีผลงาน ก็ต่อเมื่อเราทำงาน
คนทำงานทุกคนเหนื่อย แต่มีความสุข เพราะเรารู้ว่าเราทำเพื่ออะไร
ในขณะที่พวกปลีกวิเวก ไม่ต้องแบกภาระใคร ไม่ต้องฟังปัญหาใคร ไม่ต้องช่วยเหลือใคร
สุข สงบก็จริงอยู่ แต่เราไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จ

2.3 บุคคลผู้มีความสุขที่แท้จริง
ก. บุคคลที่มีสันติสุขจากพระเจ้า
ยน.14:27                                เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
ความสุข และสันติสุขที่พระเจ้ามอบให้เราต่างจากที่โลกให้
ใครมีสันติสุขที่พระเจ้ามอบให้นั้น ก็มีความสุขที่แท้จริง
คนที่เข้าถึงพระเจ้า คนที่มีพระเจ้า คนที่มีชีวิตนิรันดร์ เป็นบุคคลที่มีความสุข
ในโลกนี้ แม้เราจะทุกข์ หรือด้อยกว่าบางคนในบางเรื่อง แต่ชีวิตนิรันดร์ เรามีเหนือคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า
ความตายลดฐานะคนทุกคนลงเท่ากัน ยาก ดี มี จน วันหนึ่งต้องตาย
และวันนั้น เรารู้ว่าเราจะไปอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ นี่แหละ ทำให้เราเป็นบุคคลที่มีความสุข

ภาพ 3 ภาพ ให้ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์
(1) ภาพของภูเขาที่สูงใหญ่ กับ ต้นหญ้าบนภูเขา
ต้นหญ้า จะพูดกับภูเขาว่า แม้ท่านจะสูงใหญ่ น่าเกรงขาม
แต่ข้าเหนือกว่าท่าน เพราะข้ามีชีวิต ข้าขยายพันธุ์ได้ ในขณะที่ท่านไม่มีชีวิต ท่านทำไม่ได้
(2) ภาพของต้นไม้ใหญ่ กับ นกน้อยที่มาทำรัง
นกน้อย จะพูดกับต้นไม้ว่า แม้ท่านจะสูงใหญ่ ให้ร่มเงา และข้าต้องพึ่งท่าน
แต่ข้าเหนือกว่าท่าน เพราะข้าสามารถบินไปบินมาได้ ในขณะที่ท่านต้องอยู่กับที่ตลอดชีวิต
(3) ภาพของเจ้านายที่ไม่เชื่อพระเจ้า กับ คนใช้ที่เชื่อพระเจ้า
คนใช้ที่เชื่อพระเจ้า จะพูด (ในใจ) กับเจ้านายว่า แม้ในโลกนี้ท่านจะร่ำรวย และข้าต้องรับใช้ท่าน
แต่ข้าเหนือกว่าท่าน เพราะข้ามีชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระเจ้า ในขณะที่ท่านต้องทนทุกข์นิรันดร์

ข. บุคคลที่มีองค์พระเจ้าในชีวิต
อสย.9:6                  ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และท่าน จะเรียกนามของท่านว่า "ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช"
บุคคลผู้เป็นสุข                                                                                    -4-                                                             โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

พระลักษณะของพระเจ้า คือ ที่ปรึกษามหัศจรรย์ ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช
ถ้าเรามีพระเจ้าองค์นี้ในชีวิต เราก็เป็นบุคคลที่มีความสุขที่แท้จริง
เราจะอยู่ในโลกนี้อย่างไม่กลัว ไม่ว่าจะเป็นมาร เวร กรรม ปัญหา อุปสรรค หรืออะไรก็ตาม
แต่เราจะมีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า เราต้องเข้าให้ถึงแก่นชีวิต แล้วเราจะเป็นผู้ที่มีความสุข

ค. บุคคลที่เป็นผู้สร้างสันติ
มธ.5:9                     บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตร
ผู้ที่เป็นสุข คือ ผู้ที่สร้างสันติ ไม่ใช่สร้างสงคราม
ผู้สร้างสันติ พระเจ้าจะเรียกว่า บุตร ... ในขณะที่ผู้สร้างสงคราม มารจะเรียกผู้นั้นว่า บุตร เช่นกัน
สันติ จะเกิดขึ้นได้ ต้องใช้เวลาสร้าง แต่ใครสร้างได้ ผู้นั้นก็เป็นสุขได้

ง. บุคคลที่ทำประโยชน์ และเป็นประโยชน์ในโลกใบนี้
เราจะเป็นสุขได้ ก็ต่อเมื่อชีวิตเราเป็นประโยชน์ และทำประโยชน์ให้โลกนี้
ใครก็ตามมีความรู้สูง มีเงินมาก ต้องถามต่อว่า ชีวิตของเขาเป็นประโยชน์ต่อใครหรือไม่
เราต้องสั่งตัวเองอยู่เสมอ ชีวิตแต่ละวันผ่านไป ต้องทำประโยชน์ ต้องเป็นประโยชน์ต่อโลก
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่รักโลก ไม่หลงโลก และไม่ติดโลก

ยน.17:14-16           ข้าพระองค์ได้มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่เขาแล้ว และโลกนี้ได้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ ให้พ้นจากมารร้ายเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก
เราอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นทาสโลก หรืออยู่ในกระแสโลก
แต่เราอยู่ในโลก ด้วยการเป็นเกลือและเป็นแสงสว่างของโลก

2.4 ความหมายของคำว่า บกพร่อง
ก. รู้สึกบกพร่อง คือ ความรู้สึกที่ว่าเรายังดีไม่พอ ยังไม่มีพอ ยังไม่เก่งพอ ยังไม่บรรลุพอ
แต่ก็ไม่ได้หมายถึง ไม่ได้เรื่องหรือไม่มีคุณภาพ
เราทำอะไรก็ทำดี แต่เรื่องที่จะทำดียังมีอีกมาก เป้าหมายที่ต้องเดินยังมีอีกไกล
ดังนั้น เราต้องเป็นผู้ที่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ค้นคว้าตลอดเวลา ตื่นตัวตลอดเวลา
ตื่นตัว แต่อย่า ตื่นตูม ลงรายละเอียดได้ แต่อย่าจ้ำจี้จ้ำไช
และแม้เราจะตื่นตัวขนาดใดก็ตาม เราก็ยังไม่สามารถที่จะรู้หมดได้ ต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวต่อไป
ผู้ที่รู้สึกบกพร่อง จะเป็นผู้ที่สามารถประเมินผลตัวเอง ประเมินผลการทำงาน
ประเมินผลความรู้ และความสามารถของตนอยู่ตลอดเวลา

ข. รู้สึกบกพร่อง คือ รู้สึกสำนึกตัวว่ายังรู้ไม่มาก และยังไปไม่ถึงหลักชัย
ผู้ที่รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ จะตระหนักว่า สิ่งที่ต้องรู้ สิ่งที่ต้องทำยังมีอีกมาก
และความรู้สึกบกพร่องนี้เอง ทำให้เราต้องขยัน ตื่นตัวอยู่เสมอ เพื่อไปให้ถึงหลักชัยให้ได้
ฟป.3:12                  มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว
บุคคลผู้เป็นสุข                                                                                    -5-                                                             โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เปาโล อัครทูตที่ยิ่งใหญ่ของโลก ทั้งอดีตและปัจจุบัน กล่าวพระวจนะตอนนี้
ท่านตระหนักดีกว่า ไม่ใช่ว่าท่านได้หมดแล้ว หรือสำเร็จทั้งหมดแล้ว
แม้ท่านได้มามากแล้วก็จริง แต่เรื่องที่จะต้องได้มีมากกว่านี้
ฟป.3:14                  ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
หลักชัยสุดท้ายของเราทุกคน คือ รางวัลจากสวรรค์
ในวันสุดท้าย เราทุกคนจะรับจากพระเจ้า ... นั่นคือ สิ่งที่เราต้องไปให้ถึง

ตัวอย่างความรู้สึกบกพร่องของเปาโล ตามระดับขั้นของการเติบโตกับพระเจ้า
(1) ในช่วงแรกของการรับใช้ : เปาโลยอมเฉพาะอัครทูตเท่านั้น
1คร.15:9                 เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในพวกอัครทูต และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครทูต เพราะว่าข้าพเจ้าได้เคี่ยวเข็ญคริสตจักรของพระเจ้า
(2) ในช่วงที่สองของการรับใช้ : เปาโลยอมให้กับผู้เชื่อทุกคนในโลก
อฟ.3:8                    ทรงโปรดประทานพระคุณนี้แก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นคนเล็กน้อยกว่าคนเล็กน้อยที่สุดในพวกธรรมิกชนทั้งหมด ทรงให้ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างชาติ ถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์อันหาที่สุดมิได้
(3) ในช่วงสุดท้ายของการรับใช้ : เปาโลยอมให้กับมนุษย์ทุกคน
1ทธ.1:15                                คำนี้เป็นคำจริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลก เพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก

เปาโล ตระหนักดีว่าท่านไม่สมบูรณ์ ไม่สมควรกับพระคุณของพระเจ้า
ท่านรู้สึกบกพร่องอยู่ตลอดเวลา และพร้อมปรับปรุงแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น
เราจึงเห็นว่าพระเจ้าใช้ท่านเป็นพันธกร เป็นพระหัตถ์ของพระเจ้าที่แตะโลกผ่านเปาโล
ชีวิตของเปาโลสอนเรา เรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน
ยิ่งเกิดผลมาก ต้องยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ยิ่งได้รับจากพระเจ้ามาก ยิ่งต้องยำเกรงพระเจ้ามาก
ยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตัวมากเท่าใด พระเจ้าก็ยิ่งทรงใช้มากเท่านั้น

2.5 รายละเอียดคำว่า บกพร่อง
ก. ความว่างเปล่า ย่อมมาก่อนการเติมเต็ม ... ความครบบริบูรณ์ ย่อมมาหลังความบกพร่อง
แก้วที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว ไม่สามารถที่จะเติมน้ำเพิ่มได้
ชีวิตของเราก็เช่นกัน ถ้าเราทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ... เราก็ไม่สามารถรับอะไรได้อีก
คิดว่าตัวรู้แล้ว เก่งแล้ว ดีแล้ว ... ก็จะไม่มีวันดีขึ้น หรือพัฒนาขึ้นเลย

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวว่า ความรู้และจักรวาลไม่มีสิ้นสุด
โลกใบนี้ ถ้าเทียบกับจักรวาลก็เท่ากับฝุ่นในวงล้อรถยนต์เท่านั้น
สิ่งที่เราคิดว่ารู้มากแล้ว ที่จริงยังมีเรื่องมากมายในโลกที่เรายังไม่รู้
ดังนั้น คนของพระเจ้า เมื่ออายุมากขึ้น ต้องรู้มากขึ้น ต้องมีสาระมากขึ้น ต้องมีประโยชน์มากขึ้น
ต้องมีความสุขมากขึ้น และต้องบรรลุสัจธรรมมากขึ้นด้วย

No comments:

Post a Comment